xs
xsm
sm
md
lg

ผบช.ไซเบอร์ ชี้เป็นสิทธิ “ดร.นิด” แจ้งความกลับ-ออกหมายเรียกสอบเพิ่ม 2 พ.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ผบช.สอท. เผย “ดร.นิด” แจ้งความเอาผิดพนักงานสอบสวนทำคดีลักข้อสอบจุฬา ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหา เตรียมเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม 2 พ.ค.นี้

จากกรณี นางขนิษฐา หรือ ดร.นิด อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังถูกกล่าวหาว่า ลักลอบนำข้อสอบคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปให้กับ อดีต พล.ต.อ. ช่วยเหลือในการสอบว่า เบื้องต้นผู้ต้องหาได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) ให้ดำเนินคดีอาญากับพนักงานสอบสวนของ สอท.1 โดยอ้างว่าถูกบังคับให้รับสารภาพ และซัดทอดบิ๊กตำรวจ

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (1 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหาหากเห็นว่าพนักงานสอบสวนทำไม่ถูกต้องก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้นั้นจากการทำงานตั้งแต่วันแรกที่มีการจับกุมจะเห็นภาพที่ปรากฏตามสื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายถูกต้องครบถ้วนแล้ว โดยมีการให้สิทธิผู้ต้องหาพบทนายความและบุคคลที่ผู้ต้องหาไว้วางใจเข้าร่วมสังเกตการณ์ทุกขั้นตอนในการสอบสวน เมื่อวานนี้ตนได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 ว่าพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ระหว่างกำลังสอบปากคำผู้ต้องหาอยู่นั้น มีพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง โทรศัพท์มายังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีให้เตรียมข้อมูลเพื่อเข้ามาชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เนื่องจากผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับพนักงานสอบสวน สอท.1 กรณีสอบสวนไม่เป็นธรรม

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยอีกว่า ขณะนั้นผู้ต้องหาและทนายความก็นั่งอยู่กับพนักงานสอบสวน สอท.1 ด้วย เพราะอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ทางพนักงานสอบสวน สอท.1 จึงสอบถามผู้เสียหายว่าเหตุใดจึงไปพบพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ก่อนเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สอท.1 ผู้เสียหายตอบว่า เพราะเข้าใจว่าพนักงานสอบสวนของ สอท.1 กระทำการไม่ถูกต้อง เพราะไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสอบปากคำผู้ต้องหา และมีการบังคับข่มขู่ ชักจูงใจ ใช้กำลัง พนักงานสอบสวนในขณะนั้นจึงอธิบายให้ผู้ต้องหาและทนายทราบว่าได้กระทำการไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้บังคับขู่เข็ญ หรือชักจูงใจแต่อย่างใด

ซึ่งในวันนั้นมีทนายความและผู้ที่ผู้ต้องหาไว้ใจอยู่ด้วย ซึ่งทนายความที่อยู่ในวันจับกุมกับทนายความที่มาเมื่อวานไม่ใช่คนเดียวกัน และทนายความที่ไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวานก็เป็นอีกคนกับที่มา

จากนั้นได้มีการพูคุยกับผู้ต้องหาและทนายความจนเข้าใจและสมัครใจที่จะเดินทางไป สน.ทุ่งสองห้อง พร้อมทนายความและคนที่ตนเองไว้ใจ โดยเดินทางไปพร้อมกับพนักงานสอบสวนของ สอท.1 เพื่อที่จะไปถอนแจ้งความดังกล่าวออกไป เพราะตนเข้าใจผิด แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึง สน.ทุ่งสองห้อง ปรากฏบุคคลชายอย่างน้อย 1 คน เข้ามาพยายามคุยกับผู้ต้องหา และพยายามยื่นโทรศัพท์ ให้ผู้ต้องหาคุยด้วย โดยบุคคลที่อยู่ในสายนั้นเป็นผู้ชาย และเป็นคนที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง แต่ผู้ต้องหาเดินหนีไม่คุยด้วย จนสุดท้ายผู้เสียหายก็ไม่ได้ลงบันทึกถอนแจ้งความ แต่พนักงานสอบสวนได้แจ้งแล้วว่าการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ให้กลับไปสอบสวนต่อที่ สอท.1 แต่ผู้ต้องหากลับขึ้นรถไปกับชายคนดังกล่าว ซึ่งทนายความก็ติดต่อผู้เสียหายไม่ได้ จึงเดินทางมารอที่ห้องสอบสวน สอท.1 แต่สุดท้ายก็ไม่กลับมา พนักงานสอบสวนของ สอท.1 ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) อีกครั้ง เนื่องจากยังสอบปากคำไม่แล้วเสร็จ

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยด้วยว่า ในฐานะหัวหน้าหน่วย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเราไม่ถูกต้องก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเจ้าหน้าที่เราถูกต้อง ในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องให้ความเป็นธรรม แต่ก็ต้องฟังผู้ต้องหาด้วย ส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงผู้ต้องหาเหมือนกัน เพราะการขึ้นรถไปกับชายคนเดียวเพียง 2 คน โดยที่ไม่ได้พาทนายไปด้วย อีกทั้งยังติดต่อไม่ได้ ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้คุยกันว่าเรื่องนี้อาจมีผลต่อการให้ประกันตัว แต่ก็ยังอยากให้โอกาสผู้ต้องหาอยู่ จึงต้องออกหมายเรียกรอบ 2 ในวันพรุ่งนี้

เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าคนในสายโทรศัพท์เป็นใคร พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า เป็นคนดังที่ทุกคนย่อมรู้ว่าเป็นใคร แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ บอกได้ว่าเป็นคนดังจริงๆ โดยส่วนตัวมองว่าสำหรับเรื่องนี้หากผู้เสียหายไม่สบายใจ จะดำเนินการทางกฎหมายกับพนักงานสอบสวนก็สามารถกระทำได้ แต่เช่นเดียวกันพนักงานสอบสวนก็มีสิทธิจะชี้แจงด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น