xs
xsm
sm
md
lg

ทลายนอมินีจีนเทากว้านซื้อที่ระยอง-ชลฯ 72 ไร่สร้างคอนโดหรู 2 พันล้าน พบใช้คนจีนตั้งแต่วิศวกรยันคนงาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจ ปอศ.เปิดปฏิบัติการ CIB Nominee sweep ep.3 ทลายนอมินีจีนเทากว้านซื้อที่ดินชลบุรี-ระยอง 72 ไร่สร้างคอนโดหรูมูลค่า 2 พันล้าน พบใช้คนจีนตั้งแต่วิศวกรยันคนงานก่อสร้าง

วันนี้ (1 พ.ค. ) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. ม.ล.ภูทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมธุรกิจการค้า ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ CIB Nominee sweep ep.3 ทลายนอมินีจีน ฮุบที่ดินระยอง สร้างคอนโดหรู มูลค่า 2 พันล้าน ใช้คนจีนบริหารและก่อสร้างครบวงจร หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นเครือข่ายบริษัทนอมินี ในเขตพื้นที่จ.ระยอง และชลบุรี รวม 3 จุด ยึดเอกสารหลักฐานและดำเนินคดีกับ 5 กรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นชาวจีนและไทย 2 ผู้ออกแบบ 2 ผู้ควบคุมงาน ช่างปูนกับช่างประปาอีก 2 คนชาวจีน และบริษัทสัญชาติฮ่องกง 1 แห่ง สัญชาติไทย 1 แห่ง ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และ พ.ร.ก.การบริหารการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตำรวจ บก.ปอศ. ได้กวาดล้างจับกุมคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และย่านห้วยขวาง กทม. หลังพบว่า มีการใช้บัญชีม้าในรูปแบบนิติบุคคลหรือจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในลักษณะตัวแทนอำพรางหรือที่เรียกกันว่านอมินี ซึ่งมีการกวาดล้างจับกุมเรื่อยมา และปฏิบัติการครั้งล่าสุดนี้เอง ถือเป็นการเปิดปฏิบัติการครั้งที่ 3 ซึ่งเราได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนของนิติบุคคลจำนวน 4 นิติฯ ที่เชื่อว่า ไม่ใช้นายทุนตัวจริง และเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนจีนอยู่เบื้องหลัง

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนพบว่าทั้ง 4 บริษัทได้มีการกว้านซื้อที่ดินในเขต จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง จำนวน 72 ไร่ เพื่อนำมาสร้างเป็นที่ตั้งบริษัทและโครงการที่พักอาศัย ในลักษณะอาคารชุด 8 ชั้น จำนวน 10 อาคาร เป็นห้องพักอาศัยกว่า 1,821 ห้อง รวมมูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้าง

ด้าน พ.ต.อ.วิจักขณ์ กล่าวว่า ลักษณะรูปแบบการกระทำความผิดของกลุ่มนี้จะเป็นในรูปแบบของการนำบริษัทไปถือหุ้นซ้อนบริษัท ทำให้ยากแก่การตรวจสอบ รวมถึงมีการส่งตัวแทนชาวจีนเข้ามาควบคุมบริหารดำเนินงานก่อสร้างของบริษัท แบบครบวงจร อาทิ ตั้งบริษัทผลิตคอนกรีตเอง เพื่อนำมาใช้ในการก่อสร้างโครงการที่พักอาศัย โดยใช้วิศวกรคุมงาน ผู้ออกแบบ ช่างวางระบบไฟฟ้า ประปา และแรงงานกรรมกรเป็นชาวจีนทั้งหมด นอกจากนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทยังพบว่า มีการรับโอนเงินจากบริษัทนายทุนจีน ซึ่งจดทะเบียนอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีเงินหมุนเวียนในบัญชีของบริษัทกว่า 500 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทดังกล่าวมีนายทุนจีนเป็นเจ้าของที่แท้จริง

ขณะที่ พ.ต.อ.กริช กล่าวว่า กลุ่มบริษัทดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกันในเรื่องทางบัญชีและตัวบุคคล จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ 3 จุด ในพื้นที่ จ.ระยอง และ ชลบุรี พบว่า สถานที่มีลักษณะเป็นระบบปิด มีการตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อผลิตปูนส่งให้กับบริษัทที่ทำการก่อสร้างโครงการ เบื้องต้นจึงตรวจยึดเอกสารต่าง ๆ อาทิโฉนดที่ดินที่บริษัทดังกล่าวถือครองอยู่ 7 แปลงเนื่อที่รวมประมาณ 72 ไร่, สมุดบัญชีธนาคารทั้งไทยและจีน จำนวน 48 เล่ม ยอดเงินรวม 72ล้านบาท ,คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง, สัญญาซื้อขายที่ดิน 1 ฉบับ, ตราประทับบริษัท 6 ชิ้นและToken ธนาคาร 7 ชิ้น ไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.อ.กริช กล่าวอีกว่าสำหรับการดำเนินคดีในส่วนนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก็คือการดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับฐานความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 กับบุคคลที่เป็นที่มีรายชื่อเป็นกรรมการของบริษัทและผู้ถือหุ้น จากการสอบปากคำเบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธ ส่วนที่ 2 คือการดำเนินคดีกับต่างด้าวที่เข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย ตามพระราชกำหนดการบริหารการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท้องที่ดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันของนอกประเทศ

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ กล่าวอีกด้วยว่า ที่ดินดังกล่าวตำรวจ บก.ปอศ.จะจัดส่งข้อมูลให้กรมที่ดินเพื่อดำเนินการตามกฎหมายที่ดิน กรมที่ดินก็จะสั่งให้บริษัททำการแก้ไขสัดส่วนผู้ถือหุ้นจากคนต่างด้าวให้มาเป็นคนไทยถ้าไม่ทำก็เข้าสู่กระบวนการจำหน่ายที่ดินของกรมที่ดินภายในกรอบเวลาที่กำหนด ถ้าภายในกรอบเวลาแล้วไม่สามารถทำได้ คณะกรรมการของกรมที่ดินก็จะยื่นคำร้องต่อศาลบังคับขายที่ดินกลับมาอยู่ในมือคนไทยที่เป็นสัญชาติไทย

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหราบรายชื่อบริษัทหรือนิติบุคคล ทั้ง 4 ราย ที่ถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ ประประกอบด้วย บริษัท กู๊ดวิวฯ จำกัด สัญสัญชาติฮ่องกง , บริษัท เทอร์ร่าฯ จำกัด สัญสัญชาติไทย , บริษัท สกายฯ จำกัด สัญชาติไทย และ บริษัท โอเชียนฯ จำกัด สัญชาติไทย















กำลังโหลดความคิดเห็น