ผอ.สำนักป้องกัน เผยคืบหน้าเคลียร์ซากตึก สตง.ถล่ม ความสูงเหลือ 7 ม. ภายในสิ้นเดือนนี้จะสามารถถึงชั้นที่ 1 ได้
วันนี้ (24 เม.ย.) นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยความคืบหน้าปฏิบัติการกู้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ว่า มีการตรวจโดยทีมโดรนของสมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ตอนนี้บริเวณโซน A และ D เหลือ 7.88 เมตร ลดลง 1.37 เมตร และโซน C และ B เหลือ 6.54 เมตร ลดลงจากเมื่อวาน 84 เซนติเมตร พื้นที่ในการจัดเก็บเศษปูนเศษเหล็กมีการบริหารจัดการอย่างเพียงพอต่อการรองรับซากเศษปูนที่ยังคงเหลือ และคาดว่ายังอยู่ในกำหนดการเดิมคือภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้จะสามารถถึงชั้นที่ 1 ได้ เพราะเฉลี่ยแล้วความสูงอยู่ที่ประมาณ 7 เมตร
โดยที่ชั้น 1 มีความลึกอยู่ที่ประมาณ 4 เมตร เชื่อมกับลานจอดรถ จากการตรวจสอบพบว่าตัวชั้นใต้ดินไม่มีการยุบลงไป นอกจากนี้มีการประเมินจากก่อนเกิดเหตุมีคนทำงานอยู่ที่บริเวณชั้นหนึ่ง และอาจจะวิ่งหลบหนีออกมาไม่พ้นอาจจะอยู่ในช่วงทางออก โซนB และC ซึ่งเมื่อวานยังพบกับท่อระบบน้ำในการทำความเย็น เป็นท่อสีส้มตั้งอยู่หน้าช่องบันไดคาดว่าท่อดังกล่าวจะสามารถเป็นตัวชี้แนวของบันไดหนีไฟได้
ส่วนของเครื่องจักรมีความเสียหาย มีความล้า เพราะ มีความยาก ความเหนียวของเหล็ก และเหล็กเส้นเองก็ดีดกระจกแตก เสียหายไปทั้งหมด 8 คัน อยู่ระหว่างการซ่อมสายไฮดรอลิก และเหลือกระจกที่ต้องสั่งมาติดใหม่ ตอนนี้ต้องใช้ตัวพลาสติกและเทปในการติดกระจกไว้บ้าง ยังคงทำงานได้ ส่วนเมื่อวานนี้ที่มีรถบูมหักก็ต้องถอนกำลังออกไป จะต้องไปประเมินในการซ่อม
และเมื่อวานเจอร่างผู้เสียชีวิต 1 ร่าง กับอีก 5 เคส ส่วนแนวโน้มในวันนี้หากเปิดลงลึกได้อีก 2 เมตร ก็น่าจะถึงบริเวณชั้น 1 คาดว่าจะเจอร่างผู้ประสบภัยเพิ่มเติม
นอกจากใช้เครื่องตัดแก๊สแล้วยังใช้ทีมช่างประกอบด้วย ซึ่งหากเจอเหล็ก หรือลวดสลิงที่มีความหนาก็ใช้ทีมช่าง เอาหัวตัดแก๊สเข้าไปช่วยตัด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง โดยปกติแล้วช่วงเวลาประมาณ 00.00-7.00 น. จะมีทีมของทหารบกตัดแก๊สอยู่ 3 ทีม และทหารเรือที่ส่งชุดตัดแก๊สใต้น้ำมาให้ 1 ชุด จะช่วยตัด และเคลียร์พื้นที่ไว้ให้ทีมเช้าในการเคลียร์พื้นที่ และเปิดหน้าปูนได้ทันที
นายสุริยชัย ย้ำว่าเราทำงาน เราไม่ได้ทำแค่ข้างบนเราจะทำด้านข้างไปด้วยก็จะเห็นว่ากองซากอาคารจะเล็กลงตัวด้านหน้าโซน A และ D เหลือแค่ ประมาณ A4 และD 1 เท่านั้น อย่างไรก็ตามก็จะต้องให้ถึงบริเวณชั้น 1 ก่อน เพราะก่อนถล่มตัวอาคารเดิมจะมีความกว้างยาวอยู่ที่ 40×40 เมตร และถล่มลงไป จำเป็นที่จะต้องเอาด้านบนออกก่อน และจะเปิดด้านข้างนำเศษวัสดุออก เพราะถ้าไม่เปิดลึกลงไปด้านข้าง จะทำให้เกิดความล่าช้า
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดวันนี้เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา รายงานยอดผู้ประสบภัย จำนวน 103 ราย เสียชีวิต 56 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และติดค้าง 38 ราย