xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ไซเบอร์อายัดเงิน 2 ล้าน คืนให้ตาวัย 81 หลังโดนแก๊งคอลฯ ตุ๋นโอนไป 4.4 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจไซเบอร์แถลงจับกุม 4 ผู้ต้องหาบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกชายวัย 81 ปี โอนเงิน 4.4 ล้านบาท พร้อมตามอายัดคืนมาได้ 2 ล้านบาท

วันนี้ (22 เม.ย.) ที่ กองบัญชาการการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ลุยโปรเจค “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตาม ล่าม้า คว้าเงินคืน” รวบบัญชีม้าแก็งอ้างเป็นตำรวจ โทรข่มขู่ยาว 4 วัน โอนเกลี้ยง 4.4 ล้าน ตามอายัดทัน 2 ล้าน นำคืนให้ผู้เสียหาย

พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒผกก.4 บก.สอท.2 กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่ง เป็นชายอายุ 81 ปีได้ บอกว่าเมื่อปลายเดือน ธ.ค.67 ถูกแก็งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงไปจนเสียหายเป็นเงินกว่า 4,400,000 บาท โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ผู้เสียหายได้ถูกมิจฉาชีพโทรหาโดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก แจ้งว่าผู้เสียหายได้เปิดบัญชีธนาคารไว้

และบัญชีดังกล่าวได้กระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ซึ่งมีนักเรียน ถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย 45,000 บาท ทำให้นักเรียนคนดังกล่าวเกิดความเครียดจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย โดยผู้เสียหายหลงเชื่อ มิจฉาชีพจึงแนะนำให้แอดไลน์ชื่อบัญชี “สภ.เมืองพิษณุโลก” อ้างว่าเพื่อให้ผู้เสียหายได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ปปง. เมื่อแอดไลน์แล้ว มิจฉาชีพได้ส่งหมายศาล หมายตำรวจ และบัตรเจ้าพนักงานตำรวจ ให้พร้อมกำซับว่าห้ามเปิดเผยหรือแจ้งบุคคลใกล้ตัว เนื่องจากเป็นความลับของทางราชการ

จากนั้น มิจฉาชีพข่มขู่ผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการโอนเงินไปให้ตรวจสอบ ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินดังกล่าว เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบแล้ว เงินดังกล่าวจะถูกโอนกลับคืนให้ นอกจากนี้มิจฉาชีพยังใช้พูดข่มขู่ในรูปแบบต่างๆ ไม่ยอมให้ผู้เสียหายวางสายโทรศัพท์ จนมีการคุย ต่อเนื่องกันเป็นเวลาเกือบ 4 วัน ผู้เสียหายหลงเชื่อและเกิดความกลัว สุดท้ายยอมโอนเงินไปยังบัญชีธนาคาร ต่างๆ ที่มิจฉาชีพส่งมาให้ จำนวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,400,000 บาท

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.2 ได้สืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จนพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการจำนวนหลายราย โดยมีผู้ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า จำนวน 5 ราย จึงได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนนทบุรีจนกระทั่งศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย

ล่าสุดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้าคว้าเงินคืน”โดยประสานกับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง จนสามารถอายัดเงินในบัญชีธนาคารของ 1 ในผู้ต้องหาไว้ได้จำนวน 2 ล้านบาท และยังสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว จำนวน 4 ราย ได้แก่ น.ส.ศศธร (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี นายวิทิตย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี, นายธนกร (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี และนายอภิรักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และยังอยู่ระหว่างการหลบหนี้อีกจำนวน 1 ราย

สำหรับเงินจำนวน 2,000,000 บาท ในบัญชีธนาคารที่อายัดไว้ได้นั้น อยู่ในบัญชีของนายอภิรักษ์ หนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งจับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.ด่านมะขามเตี๋ย จ.กาญจนบุรี โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสาน ธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าบัญชีดังกล่าว

พบว่าเงินของผู้เสียหายรายนี้ 2 ล้านบาท ได้ถูกโอนเข้ามาในบัญชีของ นายอภิรักษ์ ตามวันและเวลา ตรงตามหลักฐานของ ผู้เสียหาย จึงเเน่ชัดเเล้วว่ายอดเงินดังกล่าวเป็นของผู้เสียหายรายนี้จริง ด้านนายอภิรักษ์ รับว่าได้เปิดบัญชีธนาคารแล้วขายบัญชีไปในราคา 3,000 บาท หลังจากการเปิดบัญชี ก็ไม่ได้ใช้บัญชีดังกล่าวอีกเลย กระทั่งมาถูกตำรวจจับกุมตัว จึงทราบว่าบัญชีของตนเองถูกนำไปใช้ในการกระทำผิด และตนเองขอไม่โต้แย้งกรรมสิทธิ์เงินในบัญชีธนาคารจำนวน 2 ล้านบาท เนื่องจากตนเองรู้ดีว่าเป็นเงินที่ตนเองไม่มีสิทธิที่จะได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยินดีคืนให้แก่ผู้เสียหายในคดีนี้

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจึงประสานทางธนาคาร ขอถอดอายัดและนำเงินจำนวน 2 ล้านบาท คืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในวันนี้ ตามโครงการ “Money Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า พบเงินที่ผู้เสียหายโอนไปให้กลุ่มเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์นี้นั้นสามารถอายัดบัญชี และนำเงินมาคืนให้ผู้เสียหายได้ 1 บัญชี ส่วนบัญชีที่เหลือเงินถูกแปลงเป็น คริปโทเคอร์เรนซีทั้งหมดเเล้ว และยังพบว่า ปลายทางของเส้นทางการเงินในขบวนการนี้อยู่ที่เมืองปอยเปต ประเทศเมียนมาร์ สำหรับโครงการ “ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” นั้นเป็นโครงการทุกเเห่งในประเทศไทยได้ร่วมกับตำรวจไซเบอร์ ในการตรวจสอบพฤติกรรมต้องสงสัยต่างๆ หากพบว่ามีการกระทำต้องสงสัยจะมีการระงับการกระทำนั้นและแจ้งมาที่พนักงานสอบสวนของตำรวจไซเบอร์ทันที และจะมีการสืบสวนสอบสวน โดยจะมีการดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่นเดียวกับคดีดังกล่าว

นอกจากนี้ยังมีการแถลงปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายพนันออนไลน์ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นาย กิตติภณ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี และ นาย กฤตเมธ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี แอดมินเครือข่ายเว็บพนันไก่ชน-วัวชนออนไลน์ รวม ถึงปฏิบัติการ จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ อีก 4 ราย เเบ่งเป็น เครือข่ายอ้างเป็นหมอหลอกเทรดทองคำ เสียหายกว่า 4 แสน จำนวน 1 ราย,เครือข่ายหลอกลงทุนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เสียหายกว่า 4 แสน จำนวน 2 ราย และ เครือข่ายอ้างกรมที่ดิน หลอกกดลิงก์ติดตั้งแอปดูดเงิน เสียหาย 2.2 ล้าน จำนวน 1 ราย
กำลังโหลดความคิดเห็น