“ทวี สอดส่อง” เผยเตรียมเรียก บริษัทอิตาเลียนไทย มาสอบปากคำในคดีตึก สตง.ถล่ม ส่วนนอมินีคนไทยที่ยังหลบหนีอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัว
วันนี้ (21 เม.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่พังถล่ม ว่า วันนี้เป็นวันครบกำหนดฝากขังนายชวนหลิง จาง กรรมการผู้ถือหุ้น ร้อยละ 49 ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด หลังถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา เบื้องต้นได้รับรายงานว่าผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลมาแล้วระดับหนึ่งโดยจะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่มีอยู่ โดยวันนี้จะมีการนำตัวไปขออนุมัติศาลฝากขังต่อไป
ส่วนการสืบสวนหาสาเหตุของอาคาร สตง. ถล่มนั้นทราบว่า ทางรัฐวิสาหกิจจีนได้ให้ความร่วมมือกับทางการไทย ทั้งการส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาจำลองเหตุการณ์อาคาร สตง.ถล่ม การตรวจสอบเรื่องความอ่อนของแผ่นดิน และการให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวน เนื่องจากบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจของจีน 100% นอกจากนี้ยังได้รับรายงานด้วยว่าทางรัฐบาลจีนได้มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการที่เกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ยังได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า ส่วนที่ยังมีความกังวลอยู่ คือปล่องลิฟท์ ซึ่งปกติแล้วผนังปล่องลิฟต์ของประเทศจีนจะมีความหนา 60 เซนติเมตร แต่ของ สตง.ออกแบบให้มีความหนาเพียง 30 เซนติเมตร ก่อนถูกปรับแก้แบบเหลือเพียง 25 เซนติเมตรเท่านั้น ในส่วนของแบบแปลนก่อสร้างทางการจีนบอกว่า ดำเนินการก่อสร้างตามแบบของ สตง. ซึ่งมีผู้ออกแบบเป็นคนไทย
ทั้งนี้ ไม่ว่าใครจะให้การอย่างไร พนักงานสอบสวนก็จะต้องรับฟัง เพื่อพิสูจน์กันด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกันทางการไทยก็ได้ตั้งคณะวิศวกรรม และเชิญผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ รวมทั้งวันนี้อาจจะต้องมีการนำแบบจริงๆ มาตรวจสอบด้วย
อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการเรียกบริษัทอิตาเลียนไทยมาสอบปากคำด้วย ซึ่งหากสัปดาห์นี้ยังไม่เข้ามาเจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการเข้าไปสอบปากคำ ส่วนจะมีการเชิญเลขาฯ หรือผู้บริหาร สตง. มาสอบสวนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน ส่วนเรื่องของนอมินีคนไทยที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัว
ส่วนจะมีความผิดใดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับเป็นคดีพิเศษอีกหรือไม่นั้นต้องรอการดำเนินการของทางตำรวจ ซึ่งได้ตั้งข้อกล่าวหา ประมาททำให้มีผู้เสียชีวิต เพราะทางดีเอสไอและตำรวจอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกัน