รอง ผู้ว่าฯ กทม.เผยความคืบหน้าเหตุตึก สตง.พังถล่ม พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 44 ราย เตรียมจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือรายละ 1 แสนบาท 18 เม.ย.นี้
วันนี้ (15 เม.ย.) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความคืบหน้าปฏิบัติการรื้อซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พังถล่ม และการค้นหาผู้ประสบภัยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามลดความสูงของซากอาคารโดยการเข้ารื้อถอนเข้าจากทุกด้าน ทำให้เมื่อคืนนี้ สามารถนำร่างออกมาได้เพิ่มเติมรวมทั้งหมดตอนนี้พบร่างผู้เสียชีวิต 44 ราย และยังค้นหาผู้สูญหายตามรายชื่ออีก 50 ราย ซึ่งพบว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ที่ร่างส่วนใหญ่อยู่บริเวณบันไดหนีไฟ ในโซน C เชื่อมต่อโซน B
ทั้งนี้ยืนยันว่า ปฏิบัติการทั้งหมดยังคงเป็นไปตามแผน แต่มีอุปสรรคสำคัญคือ พบขดลวดเป็นจำนวนมากในซากอาคารจึงจำเป็นต้องใช้ รถตัดเหล็กเส้นแบบแก๊ส ซึ่งตอนนี้มีประจำอยู่หน้างานแล้ว 1 คันแต่วันนี้จะนำมาเพิ่มอีก 1 คันเพื่อให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น ก่อนที่จะให้รถใหญ่เข้าไปรื้อถอนลดความสูงของซากอาคารให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันความสูงของซากอาคารเหลือ 19 เมตร โดยในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จะนำรถเครนขนาดเล็กออกจากพื้นที่ เพื่อเปิดทางให้รถเครนขนาดกลางและขนาดใหญ่ได้สามารถเข้าหน้างานได้สะดวกมากขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ต้องใช้เครื่องจักรใหญ่ที่หน้างาน
ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์ร่างที่พบใต้ซากอาคาร สตง.นั้น รศ.ทวิดา กล่าวว่า จากรายชื่อที่กองบัญชาการร่วมได้รับจากสตม. 103 รายชื่อ ขณะนี้มีญาติมา ตรวจ DNA ครบ 91 รายแล้ว แต่ยังมีบางรายที่ยังไม่ได้ข้อมูลจึงได้ประสานขอให้พิสูจน์หลักฐานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเก็บข้อมูลที่ชายแดนให้ โดยเชื่อว่าจะสามารถติดตามได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร โดยจะมีการเริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือค่าจัดการศพให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ได้รับการรับรองแล้ว รายละ 100,000 บาท ได้ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ที่กระทรวงมหาดไทย ดังนั้น กทม. จึงต้องเร่งออกเอกสารรับรองในการพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดให้เร็วที่สุด ซึ่งล่าสุดตอนนี้รับรองแล้ว 15 ราย แต่คาดว่าหลังจากนี้ตัวเลขของผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ส่วนบริษัทเอกชนหรือหน่วยงานใดต้องการทราบข้อมูล เพื่อจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบก็สามารถประสานติดต่อที่กทม. เพื่อพูดคุยกับญาติได้ พร้อมที่จะอำนวยความสะดวก ส่วนกรณีที่ผู้ว่าฯ สตง.อ้างว่าประสานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อขอจ่ายเงินเยียวยา รวมเป็นก้อนเดียวกันนั้น รศ.ทวิดา กล่าวว่าไม่ทราบเรื่องนี้ ต้องถามทางกระทรวงมหาดไทย แต่ตามหลักแล้ว การขยายวงเงินช่วยเหลือเป็น 100,000 บาท เป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดีนี้ พ.ต.อ. สนอง แสงมณี ผกก.สน.บางซื่อ เปิดเผยว่า การสืบสวนตำรวจ สน.บางซื่อ และ บก.น.2 ร่วมกันทำงาน และแบ่งคณะทำงานกัน ส่วนประเด็นที่มีการออกหมายเรียก นายปฏิวัติ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันกับกิจการร่วมค้า PKW ที่ลงนามในสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างอาคาร สตง.แห่งใหม่ กับทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 64 ได้มีการนำหมายไปติดไว้ที่บ้านย่านอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นที่ตั้ง บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้เข้ามาให้ข้อมูลฐานะพยานจากเหตุตึกถล่ม
โดยทางนายปฏิวัติ ได้ประสานมาทางพนักงานสอบสวน ขอเลื่อนไปในวันที่ 30 เม.ย.นี้ แต่ตนจะให้พนักงานสอบสวนประสานกับให้มาพบเร็วขึ้น แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมาวันใด ส่วน นายปฏิวัติ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมลายเซ็นของ นายสมเกียรติ ชูแสงสุข วิศวกรที่โดนแอบอ้างชื่อหรือไม่นั้นต้องรอสอบปากคำก่อน และตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ได้ออกหมายจับในคดีกับใครเพียงหมายเรียกเท่านั้น