“สันธนะ” โต้ข่าวถูกยิงด้วยหนังสติ๊กไม่เป็นความจริง แค่โพสต์กันสนุกๆ ในโลกโซเชียลฯ แต่ยอมรับเมื่อคืนไปที่รัชดาซอย 7 จริง ให้เจ้าของกิจการรดน้ำดำหัว แนะคนที่จะทำร้าย ใช้อาวุธปืนเลยดีกว่า แต่ต้องจำทะเบียนรถของตน 7 คันให้ได้ด้วย คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน
วันนี้(12 เม.ย.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เปิดเผยกรณีมีข่าวว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นยิงด้วยหนังสติ๊กบริเวณซอย 7 ถนนรัชดาภิเษก เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง แต่ยอมรับว่าเมื่อคืนได้ไปสถานที่บริเวณดังกล่าว เพราะผู้ประกอบการเคารพนับถือตนอยู่ จึงได้เชิญไปเพื่อรดน้ำดำหัว และให้พรเกี่ยวกับธุรกิจของเขา โดยได้ไปช่วงเย็นและอยู่จนค่ำ กลับประมาณ 4 ทุ่ม ซึ่งสอดคล้องกับที่มีการโพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่าถูกหนังสติ๊กยิง
“เอาอย่างนี้ ผมแนะนำนะ สำหรับคนที่โพสต์ หรือใครที่มีความประสงค์ คิดจะทำร้ายผม ผมแนะนำว่าคุณควรจะใช้อาวุธปืน อย่าใช้หนังสติ๊ก
“แล้วผมบอกให้ทุกคนได้ทราบก็ได้ว่า ผมมียานพาหนะ 7 คัน ไม่ได้ประกาศฐานะอะไรนะ แล้วเลขทะเบียนก็จะเป็นเลขที่ก็ทราบอยู่ ผมชอบเลขไหน ก็เลขนั้น ก็ทราบกันอยู่ ที่ผมเคยถูกทำร้าย คนของผมถูกยิงเสียชีวิต ตัวเลขก็อย่างที่เห็นๆ ที่บอกเนี่ย มันจะได้ไม่ผิดคันแล้วไปเดือดร้อนคนอื่นเขา เพราะฉะนั้นเมื่อต้องการไม่ให้ผิดหวังมันจะได้ตรงเป้าตรงตัวและตรงประเด็น” นายสันธนะกล่าว
นายสันธนะกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีพวกบ้าน้ำลายพูดว่าเคยไปทุบรถของตน ขอให้ไปเช็กได้เลยกับบริษัทประกันภัย เพราะรถทั้ง 7 คันมีประกันชั้น 1 ทุกคัน ไปเช็กดูว่าตนเคยไปเคลมว่ารถถูกทุบหรือไม่ มันไม่เคยเกิดเหตุทั้งสิ้น
ส่วนเพจต่างๆ ลงเมื่อคืนเรื่องที่ถูกหนังสติ๊กยิงนั้น นายสันธนะกล่าวว่า คงเป็นเรื่องที่เขาอยากสนุกกันในโลกโซเชียลฯ สถานที่ที่ตนไป ต้องเข้าใจว่าเป็นกลางซอย ทุกที่ที่ตนไปก็เปิดเผยตัว ที่ไปเมื่อคืนก็มีคนเป็นร้อย มีทุกชั้นวรรณะ ก็ทักทายผู้คนด้วยดี มีหลายคนยกโทรศัพท์ขึ้นถ่าย ซึ่งตนก็ถือว่าอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ใครจะขอถ่ายหรือแอบถ่ายก็ได้ ไม่ได้ติดใจ ไม่ได้กังวลอะไร
นายสันธนะย้ำว่า ไม่ได้ถูกหนังสติ๊กยิงแน่นอน ที่ผ่านมาเคยแต่ถูกขว้างด้วยกาแฟแก้วหนึ่งไปที่รถ ถึงได้แนะนำว่าถ้าจะทำก็ใช้อาวุธปืนดีกว่า ไม่ได้เป็นการท้าทาย แต่ว่าตั้งแต่มีเรื่องก็มีบางเพจที่ให้ตนตายทุกวัน ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายวันละหลายรอบ มันน่าสนุกมั้ย
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ตามกระแสข่าวในโซเชียล โดยช่วงเย็นนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญตัวเด็กรับรถที่บริเวณสถานบริการอาบอบนวดมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่