MGR Online - ดีเอสไอ-สตช.รับตัวโบรกเกอร์สาว ผู้ต้องหาร่วมก๊วน "หมอบุญ" ฉ้อโกงประชาชน หลังทางการจีนจับกุมตัวที่เมืองกว่างโจวและส่งกลับมาไทยถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ยังเหลือผู้ต้องหาในคดีนี้อีก 2 รายคือ "หมอบุญ" และอีก 1 คน ล่าสุดรู้เบาะแสแล้ว เร่งประสานจับกุมตัว
วันนี้ (7 เม.ย.) เวลาประมาณ 22.50 น. ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล , พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รองผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.เดโช โสสุวรรณากุล รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัว น.ส.ฐิติพร เฉลิมรัตนประทีป ผู้ต้องหาคดีร่วมกับ นพ.บุญ วนาสิน ฉ้อโกงประชาชน
ทั้งนี้ นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนสะกดรอยและการข่าว พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้เป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 136/2567 ได้ร่วมกัน จับกุมตัว น.ส.ฐิติพร ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ของ นพ.บุญ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และร่วมกันฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา ได้ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ หลังจากหลบหนีการจับกุมในคดีไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน และทางการจีนส่งตัวกลับมา
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ได้รับโอนสำนวนการสอบสวนคดีอาญาจาก กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.67 มีผู้กล่าวหาและผู้เสียหาย จำนวนกว่า 605 ราย ปรากฏมูลค่าความเสียหาย 16,100,602,806 บาท
โดยกองกิจการอำนวยความยุติธรรม ได้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมอายัดทรัพย์และส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และได้ดำเนินคดีกับ นพ.บุญ กับพวกรวม 16 ราย จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว จำนวน 13 ราย มีผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ได้แก่ นพ.บุญ , น.ส.กชพร และ น.ส.ฐิติพร หลบหนีไปยังต่างประเทศ จึงได้แจ้งไปยังองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ออกประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice)
ต่อมา ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พร้อม ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผู้อำนวยการกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ และ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม ได้รับการประสานงานจาก พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าจากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการเกี่ยวกับผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักรในคดีพิเศษนี้ รวม 3 รายดังกล่าว
โดยแจ้งไปยังองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) ออกประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) ได้รับแจ้งจากทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าได้ควบคุมตัว น.ส.ฐิติพร ได้ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงรายงานให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทราบและได้สั่งการให้ กองกิจการอำนวยความยุติธรรม ร่วมกับกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ประสานงานร่วมบูรณาการกับกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการประสานกับทางการสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขอความร่วมมือให้พิจารณาผลักดันผู้ต้องหารายนี้กลับมายังประเทศไทยเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ซึ่งในวันนี้ (7 เม.ย.) ทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เนรเทศผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาเดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเครื่องบินมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้เป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 136/2567 ร่วมกันรับตัวผู้ต้องหาเพื่อส่งมอบให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตามกฎหมาย
อนึ่ง น.ส.ฐิติพร เป็นผู้ต้องหารายที่ 14 ที่ถูกจับกุมตัวในคดีพิเศษที่ 136/2567 มีพฤติการณ์ เชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมลงทุนโดยการนำเงินมาให้ นพ.บุญ กู้ยืม ต่อมาไม่จ่ายผลตอบแทนและไม่คืนเงินต้นจึงเกิดความเสียหายในวงกว้าง กรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการแถลงข่าวที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 8 ในวันนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตนพร้อมทีมงาน ชุดพนักงานสอบสวน และรองอธิบดีดีเอสไอร่วมการแถลงข่าว สืบเนื่องจาก คดี นพ.บุญ วนาสิน ซึ่งได้มีผู้เสียหายจํานวนมากได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนหลายราย และมีความเสียหายเกิดขึ้นทางคดีประมาณ 16,00 ล้านกว่าบาท ทางสํานักงานตำรวจชาติได้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวน โดยมีท่าน พล.ต.ท.สําราญ นวลมา เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต่อมาจากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสิ้น 16 คน ได้มีการจับกุมตัวไปแล้ว 13 รายได้ หลบหนีออกไปต่างประเทศ 3 ราย ก็คือ นพ.บุญ น.ส.กชพร และ น.ส.ฐิติพร ซึ่งพนักงานสวนได้ประสานงานกองการต่างประเทศ
ต่อมาทางคณะพนักงานสอบสวนได้รายงานไปยังดีเอสไอ เนื่องจากว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ทางดีเอสไอได้รับไว้เป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ซึ่งต่อมานายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรีให้เจ้าหน้าที่ตํารวจที่เป็นพนักงานสวนทั้งหมด 29 นายได้ร่วมปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษดังกล่าว
ในส่วนนี้ ในการสืบสวนติดตามหาตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศทั้ง 3 รายดังกล่าว ทางชุดสืบสวน ดีเอสไอยังตามหาอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งจากการข่าวในเบื้องต้นล่าสุดผู้ต้องหาคือ น.ส.ฐิติพร มีการหลบหนีไปยังเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ทาง พล.ต.ท.สําราญ นวลมา จึงได้ประสานงานไปยังกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของประเทศจีน เพื่อแจ้งเบาะแสและให้ช่วยควบคุมตัว ซึ่งต่อมาได้รับแจ้งว่า วันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางการจีนได้ควบคุมตัวและผลักดัน น.ส.ฐิติติพร มายังประเทศไทยในวันนี้ ซึ่งในส่วนนี้ ได้ประสานงานทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอ โดยรองอธิบดีได้มีการแจ้งข้อหาและรับตัวไว้ ซึ่งจะได้ดำเนินการในส่วนนี้ต่อไป
ด้าน ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับการประสานงาน พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติว่าได้รับแจ้งจากทางการจีนว่าได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาในคดีคดีหมอบุญที่ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และก็ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนได้ ซึ่งทางการจีนได้ผลักดันส่งมา ทางกรมสอบสวนพิเศษได้มีการประสานร่วมบูรณาการร่วมกับทางสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เพื่อมารับตัวและร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ฐิติพร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีไปยังจีน เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
ทั้งนี้ คดีนี้เดิมสํานักงานตํารวจแห่งชาติได้รับไว้เป็นคดี หลังจากนั้นได้โอนมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษที่ 136/67 ในช่วงแรก พล.ต.ท.สําราญก็เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีแรก จากนั้นมาเป็นคดีพิเศษ ทางอธิบดีได้มอบหมายให้ตนซึ่งเป็นรองอธิบดีเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนนะครับในคดีนี้
ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดตามผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 รายที่หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร เพื่อจะมาดําเนินคดีต่อไป
คดีนี้หลังจากที่เรารับเป็นคดีพิเศษ ก็มีการบูรณาการร่วมกันทั้งการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ในคําสั่งที่นายกรัฐมนตรีลงนาม ทําให้ข้าราชการของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 29 ราย เป็นคณะพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทําให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทั้งในการรวบรวมพยานหลักฐาน และการติดตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี
“ท่านสําราญเได้มอบหมายให้ทางทีมนี้นะครับประสานติดตามเอาตัวผู้ที่หลบหนีมาดำเนินคดี กับให้ทางดีเอสไอดําเนินคดี วันนี้เราได้หนึ่งรายแล้ว ซึ่งอีก 2 ราย เราทราบเบาะแสนะครับ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะมันจะเป็นกระทบต่อรูปคดี” ร.ต.อ.วิษณุ กล่าว
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ น.ส.ฐิติพรให้การปฏิเสธ แต่ น.ส.ฐิติพร เป็นโบรกเกอร์ ในลักษณะคือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทําเป็นขบวนการ ก็คือ น.ส.ฐิติพรหนึ่งในผู้ชักชวน
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า น.ส.ฐิติพรยอมรับว่าเป็นคนที่ได้มีการชักจูงผู้เสียหาย แต่ว่าไม่ได้เป็นคนติดต่อกับหมอบุญโดยตรง เมื่อสักครู่นี้ก็ลองถามดูว่า สมมุติว่าในยอดชักชวนผู้ลงทุน 1 ล้านบาท คุณได้เปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ เขาบอกว่าได้ทั้งหมดก็ 13.5 เปอร์เซ็นต์ประมาณนี้ คือยอมรับกึ่งหนึ่ง แต่ว่าเขาบอกว่าไม่ได้ติดต่อกับหมอบุญโดยตรง มีตัวกลาง ซึ่งก็กำลังสอบสวนต่อ นี่คือคำให้การของเขา ซึ่งเป็นสิทธิผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้
“ก็ยืนยันกับพี่น้องประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย ว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วก็กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังติดตามตัวนะครับ ตัวของหมอบุญเอง ตัวผู้ต้องหาอีกหนึ่งรายที่ยังหลบหนีไปต่างประเทศอย่างใกล้ชิดจริงๆ นะครับ ได้ประสานความร่วมมือทาง กต.นะครับ แล้วก็ไปยังอินเตอร์โพลนะครับ ตอนนี้ รู้เบาะแสแล้ว พยายามจะส่งทีมงานไปเข้าประสานงานอยู่นะครับ ก็พยายามให้เต็มที่นะครับ เพื่อให้คดีนี้เสร็จโดยสมบูรณ์”พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าว