“คะน้า ริญญารัตน์” เผยพฤติกรรมอดีตแฟนหนุ่มมีโลก 2 ใบ สร้างโปรไฟล์ไฮโซ หลอกโอนเงิน แอบอ้างเบื้องสูง พร้อมขอให้ “กัน จอมพลัง” เข้าช่วยเพราะห่วงความปลอดภัย
จากกรณี “คะน้า” ริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ ดารานางแบบสาวช่อง 7 ประกาศโสดกะทันหัน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยแฟนหนุ่มเพิ่งจัดเซอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงาน ด้วยแหวนเพชรเม็ดโต ท่ามกลางความดีใจของทั้งคู่ เหล่าเพื่อนพี่น้องวงการบันเทิงก็ร่วมแสดงความยินดี ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (7 เม.ย.) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ พร้อมด้วยคะน้า ริญญารัตน์ ได้เดินทางมาที่อาคารมาลีนนท์ ช่อง 3 เพื่อเตรียมไปออกรายการ “โหนกระแส” พร้อมให้สัมภาษณ์ก่อนที่จะเข้ารายการ ในกรณีถูกแฟนหนุ่มหลังพบว่า มีโลกสองใบหลอกให้คบ พร้อมเรื่องราวทั้งหมดที่เจอ จึงทำให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพหรือไม่
โดย กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้น้องคบกับผู้ชายคนนึง ในวันที่น้องไม่มีใคร คนนี้ทักมาหา ระหว่างที่คุยกัน เขาพยายามทำดีกับน้อง หลังๆ เริ่มอ้างตัวว่ามีความสนิทสนมกับเบื้องสูง แต่งชุดเหมือนเป็นข้าราชการ ใส่ชุดขาวมารับน้อง มีรถนำขบวน 5 คัน ทำให้โปรไฟล์ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งเขาก็ดีกับน้องมาตลอด จนมีพักนึงน้องเองมีเส้นเงินที่เชื่อมโยงกับเงินเทาเงินดำ เขาบอกจะหาทางช่วย น้องก็เอาข้อมูลเอกสารบริษัทไปให้เขาหมดเลย โดยเขาอ้างว่า คนที่ช่วยเหลือเขาตอนนี้คือนายกรัฐมนตรี โดยมีแชทมาประกอบด้วย และน่าตกใจมาก ส่งแชทของท่านผู้บัญชาการไซเบอร์ อ้างว่ากำลังช่วยเหลืออยู่ อีกแชทนึงเป็นคนที่อยู่ในวัง และสนิทกับเบื้องบนมาก
แต่จริงๆ น้องไม่ได้ทำผิดกฎหมาย โดยเขาอ้างว่า เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้วอ้างว่า น้องกับแฟนเก่ามีเส้นเงิน แล้วตัวน้องกับแฟนเก่าอาจจะผิดปกติ น้องก็บอกว่าอยากช่วยไรก็ว่าไป สักพักบอกว่าช่วยสำเร็จแล้ว แต่ต้องมีน้ำใจช่วยผู้ใหญ่หน่อย จ่ายค่าไวน์ให้ 9.8 หมื่น ก็ตกลงไป เพราะคิดว่าคบกัน คนนี้คงไม่โกหกหรอก โปรไฟล์ดี และเรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ ในช่วงเวลาเดือนกว่าที่คบกัน มีการขอแต่งงานกัน แต่น้องคิดว่าเร็วไป แต่น้องก็ไม่ขัดเพราะมีการบอกน้องว่า ไปขอสมรสพระราชทานแล้ว
แต่พอมีการประกาศเรื่องแต่งงานขึ้นมา มีคนทักมาหาน้องเป็นผู้หวังดีบอกว่าผู้ชายคนนี้มีโลกสองใบ ทำให้น้องรู้สึกว่าไปต่อไม่ได้ น้องเลยขอหยุดความสัมพันธ์ ซึ่งในวันที่มาขอแต่งงาน ผู้ชายเอาทอง 50 บาท เอาเพชรมาให้ แต่จังหวะที่น้องจะเอาทองคืน พอไปหยิบทองมาก็งงว่าทำไมทองลอก เลยสันนิษฐานว่าหรือผู้ชายคนนี้จะเอาทองปลอมมาให้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นทองจริงหรือปลอม ทำให้สงสัยว่าหรือจะเป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า น้องเลยขอหยุดความสัมพันธ์
แต่คนที่ส่งข้อมูลให้บอกว่าน้องอาจถูกแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ปลอดภัยได้ น้องก็ลังเลว่าจริงไม่จริง เลยมาขอให้ผมช่วย ซึ่งผมก็ดูแลความปลอดภัยให้ และไปเช็กข้อมูลเบื้องต้นก็รู้ว่าไม่ใช่แค่น้องที่เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ ยังมีคนอื่นๆ อีกที่ถูกอ้างเอาเงินไปซื้อถุงพระราชทานด้วย
กัน จอมพลัง เปิดเผยอีกว่า มีผู้เสียหายหลายคน ก็ได้คุยบ้างแล้ว พฤติกรรมคล้ายๆ กัน ลามเข้าไปถึงวงไฮโซ ล่าสุดมีภาพไปเจอมาดามไฮโซท่านนึง นั่งกินข้าวกัน ก็เป็นห่วงว่าจะมีคนโดนหลอกในลักษณะนี้อีก ซึ่งทุกคนก็เป็นห่วง น้องบอกว่ามีคนโทรมาหาด้วย มาเล่าว่าน้องจะไปตบทรัพย์เขาเหรอ ซึ่งน้องก็รู้สึกว่าเขาถูกใส่ร้ายในประเด็นนี้ด้วย พอไม่ได้อยู่กับน้อง ตัวเองดูดีเลย น้องดูแย่ น้องเขาก็อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมและชี้แจงว่าน้องไม่ได้จะไปตบทรัพย์
อีกทั้งคนนี้เคยมีคดีเก่าออกข่าวด้วย แต่เขาเปลี่ยนชื่อ อย่างเรื่องถ้าเขาปลอมแชทนายกฯ ผู้บัญชาการ และเอาเงินน้อง ผมว่าอันนี้อาจจะหลอกเอาทรัพย์ สร้างโปรไฟล์ ไปเจอผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่าน หลายคนก็ทำแบบนี้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและไปหลอกคนอื่นหรือเปล่า ไม่ใช่แค่ตัวของน้อง แต่ยังมีคนอื่นที่โดนลักษณะแบบนี้อีกหลายคน ก็มีโทรเช็กหลายหน่วยงาน หลายคนไม่รู้จัก คนที่รู้จักก็มี
แต่ถามว่ามีข้าราชการที่สนิทสนมไหมมี หลังเกิดเรื่องมีคนโทรมาขอด้วยว่าอย่าเอาเรื่อง ด้านคะน้าบอกว่า เขาบอกว่าเขาเป็นแค่คนมีปมคนนึง อย่าไปเอาเรื่องเขาเลย ปล่อยเขาไปเถอะ จากนั้นกันเสริมว่าที่บอกว่าอย่าไปเอาเรื่องผู้ชายคนนี้เลย แต่คนที่พูดเป็นทหาร วันนี้มีคนเอาเบื้องบนมาแอบอ้าง แล้วท่านจะปกป้องคนที่แอบอ้างเหรอ ถ้าผมพูดชื่อองค์กรท่านสะท้านเลยนะครับ มีลึกกว่านั้นอีก ถ้าผมเปิดคือสะท้านเลย มีคนโดนมาตรา 157 แต่วันนี้ขอไปทีละเรื่อง หวังว่าทหารคนนี้จะไม่โทรมาอีก
ด้าน คะน้า ริญญารัตน์ กล่าวว่า จริงๆ เจอกันผ่านแอปหาคู่ตอนปลายปีที่แล้ว ตอนนั้นโสด แต่ก็หายไปเพราะเรากลับไปคุยกับแฟนเก่า แล้วกลับมาคุยกับเขาจริงจังช่วงเดือน ก.พ.ทีาผ่านมา เพราะตอนนั้นเลิกกับแฟน เลยเริ่มเปิดใจคุยกับหลายๆ คน หนึ่งในนั้นคือเขา แต่เขาดูเดินหน้าจีบจริงจัง ดูภูมิฐาน น่าเชื่อถือ เข้ากันได้ คุยกันถูกคอ ทำให้พัฒนาความสัมพันธ์ไปได้เร็ว เขาบอกว่าเขาทำงานกับรัฐบาล ทำงานกับเบื้องสูง เขาบอกว่าเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทำงานให้เบื้องบนเป็นตำแหน่งลับ เขาก็ทำนามบัตร เราก็ตรวจสอบ มีการเอาชื่อเขาไปเช็กในเน็ตว่าเป็นใคร แต่ปรากฏว่าไม่ขึ้นชื่อ เขาบอกว่าที่ปรึกษานายกฯ มี 5 คน มันไม่ขึ้นชื่อเขา เขาบอกว่าอันนั้นคือที่ปรึกษานายกฯ แต่เขาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ เลยเป็นตำแหน่งพิเศษที่ไม่สามารถโชว์ในอินเตอร์เน็ตได้ เขาก็แถไปเรื่อยๆ
แล้วในไอจีเขามีถ่ายรูปกับคนที่มีชื่อเสียงหลายคน มีการพาเราไปเจอคนใหญ่คนโตหลายคน ทำให้เราหลงเชื่อตรงนี้ด้วย เราก็เหมือนเห็นเขาดูสนิทสนมกัน ไม่รู้ว่าคนใหญ่คนโตโดนหลอกด้วยหรือเปล่า พอคบกันมาประมาณไม่ถึงเดือน เขาก็เกริ่นๆ ว่าอยากแต่งงาน ตอนนั้นเรายังไม่ตกลงเพราะรู้สึกว่าเร็วไป แต่อยู่ๆ สมรสพระราชทานก็ออกมาเลย มีกำหนดวันเวลาชัดเจน มีแพลนว่าจะไปจัดที่โรงแรม ทำให้เราโอเคก็ได้ เพราะไม่กล้าขัด
โดยของที่เขาให้เป็นตอนที่มีการพูดคุยเรื่องแต่งงาน บอกว่าค่อยๆ เก็บ เป็นสินสอด เราก็เก็บไว้ตามที่เขาบอก เขาก็มาคุยกับทางคุณแม่เรา เราได้เจอญาติเขา แต่ยังไม่เจอพ่อแม่เขา ส่วนผู้หวังดีที่ทักเข้ามา เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เป็นโปรไฟล์อวตาร เขาก็รู้หลายเรื่องในสิ่งที่ไม่น่ามีใครรู้ เราก็เลยติดต่อไปตามที่เขาบอก ลองไปสืบเรื่องนั้นเรื่องนี้ดู จนรู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้วและมาหลอกเรา พอเรารู้ก็ประกาศลงไอจีว่าโสดแล้ว ตัดขาดในวันนั้นที่รู้เลย แล้วอวตารคนนี้เขาแจ้งว่าเราอาจไม่ปลอดภัยนะ เขาอาจเล่นงานเราหลายๆ ด้าน อย่างเรื่องอ้างว่าแฟนเก่าฟอกเงิน แต่มันไม่จริง เราไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ตัวเขาก็เอามาเล่น แล้วเอาเราไปพูดเสียหายๆ กับหลายที่หลายคน
เมื่อย้อนกลับไปเรื่องที่เขาอ้างว่า เรามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเงินเทาเป็นลักษณะยังไง คะน้ากล่าวว่า จริงๆ เราทำธุรกิจกับแฟนเก่า มีชื่อร่วมหุ้นกับบริษัท เขาบอกว่าแฟนเก่าเรามีการฟอกเงิน แล้วมันจะโดนอายัดทรัพย์ เพราะถือหุ้นร่วมกัน เราก็กลัว แต่ตอนนั้นก็สงสัยว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับเรา เพราะเส้นเงินมันไม่ถึงเราแน่นอน เขาไม่ได้โอนเงินส่วนตัวให้เรา แต่เราก็กลัวไปก่อนเพราะกลัวคลินิกถูกปิดตามที่เขาขู่ไว้ เราเลยยอมให้สเตจเมนต์คลินิก เส้นทางการเงินของเรา เขาบอกว่าเราต้องไป ปปง. ชี้แจงให้ทราบ
เมื่อถามว่าแต่ไม่มีการให้เราโอนเงินในลักษณะหลอกลวงใช่ไหม คะน้าบอกว่าก็มี แต่ยังไม่สูญเสียเยอะเพราะเพิ่งจะแป๊บเดียว คืออย่างที่พี่กันพูดว่าเขาแอบอ้างนายก ช่วยเหลือเราเรื่องคดี ให้เราโอนเงินไปขอบคุณนายกฯ เป็นค่าแชมเปญประมาณ 9.8 หมื่นบาท เราก็โอนไป จริงๆ มีส่วนอื่นอีก แต่ไม่ได้ติดใจอะไรเพราะว่ามันเหมือนเขามาขอของขวัญวันเกิด เราซื้อของแพงๆ ให้เขาใช้ อันนี้เราเต็มใจให้เขาเอง แต่ที่ติดใจคือการตั้งใจหลอกให้โอนเงินให้ซื้อของขวัญให้นายกฯ ส่วนกรณีที่เขามอบของขวัญที่มีมูลค่าให้เราบ้างไหม นั้นไม่มีเลย หลังจากคุยกันเรื่องแต่งงานแล้วที่มีการให้ทองให้แหวน หลังเกิดเรื่องก็ไม่มีการติดต่อฝ่ายชายเลย
ส่วนจะกังวลในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินต่างๆ ของเรา เพราะเขารู้เรื่องเราค่อนข้างเยอะหรือไม่นั้น ตอนแรกตั้งใจจะเงียบไปเพราะไม่อยากมีปัญหา แต่ว่าผู้หวังดีบอกว่าเราอาจถูกทำร้ายร่างกาย เราก็รู้สึกว่าเราไม่ปลอดภัยแล้ว ต้องหาคนมาช่วยเรา ก็เลยตัดสินใจทักไปทางพี่กัน จอมพลัง เจาเลยมาช่วยเหลือเรา บวกกับรู้ว่ามีผู้เสียหายท่านอื่นอีก เลยออกมาเปิดเพื่อให้ผู้เสียหายอีกหลายคนที่เขายังกลัวคนคนนี้อยู่กล้าที่จะออกมาเอาเรื่องเขา
คะน้า กล้าวอีกว่า ส่วนใหญ่เวลาเขามาจะมีรถนำขบวน เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราหลงเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง รถนำขบวนแต่งตัวเป็นข้าราชการ ขบวนยิ่งใหญ่มาก บางทีก็อ้างว่าไปทำงานกับเบื้องบน ใส่ชุดขาวติดยศ เราก็เลยหลงเชื่อ เมื่อถามว่าถ้าหลังจากนี้เขามาขอเคลียร์จะมีแนวทางยังไง คะน้ากล่าวว่า คิดว่าคงไม่ขอเคลียร์อะไร เพราะเราก็เสียหายในการที่เอาไปพูดต่อ แล้วมีเหยื่ออีกเยอะ ไม่อยากให้เขาไปทำอย่างนี้กับใครอีก ที่ผ่านมาเขารอดมาตลอด จนลามไปหลายคนที่โดน เราก็เลยต้องเทคแอ็กชั่นบางอย่าง มองว่าเขาเป็นภัยสังคมอย่างหนึ่ง