ศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งประหารชีวิตมือยิง "ครูเจี๊ยบ-น้องหยอด" สั่งชดใช้อีกครอบครัวละ 6 ล้านบาท
ที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (28 มี.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายอนาวิน แก้วเก็บ อายุ 22 ปี กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-24 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเห็นแก่ความตายโดยเจตนา
กรณี นายอนาวินกับพวก ก่อเหตุไล่ยิงกลุ่ม นศ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย บริเวณธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาคลองเตย ถนนสุนทรโกษา แขวงและเขตคลองเตย กทม. เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา ทำให้นายธนสรณ์ หรือหยอด ห้องสวัสดิ์ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 รับบาดเจ็บสาหัสส่งรักษาตัวที่ รพ.จุฬาฯ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ลูกหลงยังไปถูก น.ส.ศิรดา หรือครูเจี๊ยบ สินประเสริฐ อายุ 45 ปี ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ ระดับชั้น ม.ต้น โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ที่เดินผ่านมาพอดีเข้าหน้าผากถึงกับเสียชีวิต
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย โดยคดีนี้มีการสอบปากคำพยานทั้งฝั่งโจทก์และจำเลยรวมแล้ว 59 ปาก รวมถึงได้มีการพิเคราะห์จากพยานหลักฐานทั้งภาพกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมพยานบุคคลเป็นที่เรียบร้อย เห็นว่านาย อนาวิน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นพนักงานสอบสวนว่าเป็นผู้ลงมือยิง แต่กลับคำให้ในชั้นศาลขอให้การปฏิเสธ อ้างว่าภาพจากกล้องวงจรปิดไม่ใช่ตนเอง แต่จากพยานหลักฐานโจทก์มึความสอดคล้องต้องกันกับพยานหลักฐานที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด เชื่อได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามคำฟ้องจริง
พิพากษาว่า และอนาวินจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานร่วมกันอั้งยี่ซ่องโจร จำคุก 6 เดือนและร่วมกันซ่องโจรจำคุก 2 ปีและความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนจำคุก 2 ปี ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต อันเป็นบทลงโทษหนักสุด โดยให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นบทลงโทษหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ให้ลงโทษประหารชีวิต
ส่วน จำเลยที่ 4 พิพากษาจำคุกในข้อหาร่วมกันอั้งยี่ จำคุก 6 เดือน ร่วมกันซ่องโจร จำคุก 2 ปี และสนับสนุนให้มีการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต
จำเลยที่ 2, 3, 5-22 และ 24 มีความผิดร่วมกันอั้งยี่จำคุก 6 เดือน ร่วมกันซ่องโจร จำคุก 2 ปี รวมเป็น 2 ปี 6 เดือน แต่จำเลยที่ 19 นั้นมีคดีค้างเก่าอยู่ 1 คดี จึงรวมโทษจำเลยที่ 19 รวมเป็น 2 ปี 7 เดือน ส่วนจำเลยที่ 23 ศาลยกฟ้อง
นอกจากนี้ศาลยังมีคำสั่งให้นายอนาวินจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ครอบครัวละ 6,078,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละห้าต่อปี
ภายหลัง น.ส.พรพิมล จำเมือง แม่ของน้องหยอด ถือรูปน้องหยอด ลงมาพร้อมนางมณี สินประเสริฐ แม่ของครูเจี๊ยบ และทนายความ ได้ลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดย น.ส.พรพิมลแม่ของน้องหยอดเปิดเผยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า ขอบคุณที่ศาลให้ความยุติธรรม ส่วนตัวพอใจกับคำพิพากษาในวันนี้ แต่จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้นขอไปปรึกษากับทนายความก่อน ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงทุกวันนี้ ทางจำเลยและครอบครัวจำเลยไม่เคยแม้แต่จะมาขอโทษตนเลยสักครั้ง ทุกวันนี้ตอนมีโอกาสได้พบเจอกับจำเลยทั้ง 24 คน ก็ไม่มีแม้แต่จะกล่าวขอโทษหรือทักทาย ไม่มีท่าทีที่จะสลด ขนาดศาลพิพากษาว่าประหารชีวิต นายอนาวินยังหันมายิ้มหัวเราะกับจำเลยคนอื่น ๆ
ด้าน นางมณี สินประเสริฐ แม่ของครูเจี๊ยบ กล่าวว่า ตอนอยู่ในห้องพิจารณาคดีไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าจำเลยทั้ง 24 คน เพราะกลัวจะเครียดจนอดใจไม่ไหว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนต้องสูญเสียเสาหลักในบ้าน จะให้ตนไปขอทานก็กลัวจะถูกตำรวจจับ ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างสถาบันนั้น ตนว่าเป็นที่นิสัยและความเชื่อผิด ๆ ส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับสถาบัน เพราะมีคนรู้จักหลายคนที่เรียนอาชีวะ แต่ไม่เคยไปทตีรันฟันแทงกับใคร วันนี้ขอขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคำพิพากษาได้เกิดมีการปะทะกันระหว่าง 2 สถาบันที่บริเวณด้านหลังศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นจุดที่ควบคุมตัวจำเลย โดยสงวนไว้ไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไป ทราบว่าเพื่อนนักศึกษาฝั่งจำเลยตะโกนหาเรื่องนักศึกษาฝั่งเพื่อนน้องหยอด จึงทำให้มีปากเสียงกัน แต่ก่อนที่จะเกิดการปะทะกันรุนแรงทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา และเจ้าหน้าที่ศาลได้เข้าไประงับเหตุไว้ทัน และจับแยกนักศึกษาสองกลุ่มไว้ได้ทัน ก่อนที่ทั้งสองกลุ่มจะแยกย้ายกันไป