รอง ผบช.ก.ยันมีหลักฐานเอาผิดขบวนการทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เร่งจับกุมเฟส 2 เร็ว ๆ นี้
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีทลายขบวนการทุจริตเบิกจ่ายยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกว่า การสอบสวนแพทย์หญิง หรือ น.ส.บรินดา นั้นเจ้าตัวไม่ขอให้การ โดยขอทำคำให้การมาให้ภายหลัง ส่วนพันเอกหญิง หรือ น.ส.กัญยารัตน์ นั้นขอไปให้การในชั้นศาล ส่วนผู้ต้องหาคนอื่น ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่รับซื้อยานั้นให้การภาคเสธ ยอมรับว่าซื้อจริงเพราะคิดว่าเป็นยาที่ถูกต้อง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลที่ได้รับมาคาดว่าน่าจะยังมีขบวนการที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ขณะนี้ประสานให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบการเบิกจ่ายที่ผิดปกติ คาดว่าน่าจะมีการจับกุมในเฟส 2 เร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ยังทราบจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ด้วยว่า ยังพบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่ง ส่วนกรณี นายสมปราช เคนถาวร และ น.ส.สุรีย์ ถิรนุทธิ ที่เป็นยี่ปั๊วเถื่อน ก็ไม่ได้จดทะเบียน ไม่มีใบอนุญาต ทราบว่ารับซื้อยามาจากตลาดมืด ก่อนนำออกขาย โดยพบมีหลักฐานจำนวนมาก ทั้งจากแชไลน์ และโทรศัพท์
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดมืดยาเถื่อนนั้นมีอยู่เยอะ เพราะเมื่อมีผู้ต้องการยาบางชนิด แต่หาไม่ได้ตามร้านขายยาทั่วไป ก็สามารถหาได้ในตลาดมืด แม้ราคาแพง หรืออาจถูกกว่า ทำให้ร้านค้าในตลาดมืดก็จะสมประโยชน์กัน ซึ่งข้อมูลจากการตรวจค้นร้านค้าทั้งหมด พบหลักฐานทั้งแชทไลน์ เส้นทางการเงิน บันทึกข้อมูลการซื้อขาย ก็จะต้องมาพิจารณาว่าจะสามารถเอาผิดใครได้อีกหรือไม่ ส่วนประเด็นคดีฟอกเงิน ทางตำรวจต้องทำงานอย่างต่อเนื่องต่อไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวด้วยว่า การเข้าตรวจค้นเมื่อวานนี้บางจุดก็ไม่เจอยาเป้าหมาย แต่เราต้องการให้สังคมรับทราบว่า สิ่งที่ร้านยาเหล่านี้ทำ คือไปหายามาจากตลาดมืด และนำออกขายให้กับประชาชนทั่วไป สำหรับผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าว เบื้องต้นยังมีเพียงเท่านี้ ส่วนจะมีมากกว่านี้หรือไม่ก็เป็นเรื่องของการสอบสวนเพิ่มเติม หากพบมีใครเกี่ยวข้องอีกก็จะเรียกตัวมาสอบปากคำกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนลูกทีมที่เหลือต้องเรียกตัวเข้ามาสอบสวนด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ทาง ป.ป.ท. ระบุว่าอาจจะจบแล้ว แต่จากการทำงานร่วมกัน และเคยคุยกันว่า จะต้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแถว 2 แถว 3 หรือไม่ซึ่งมีจำนวนมาก ก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการต่อไป แต่ขณะนี้ยังเน้นไปที่ตัวการสำคัญที่ได้รับเงินผลประโยชน์ไปจริง ๆ ส่วนเหยื่อที่ถูกหลอกไปว่าทำไปแล้วไม่ผิด เพราะมีการจ่ายยาถูกต้อง ก็จะต้องมาดูเจตนากันว่าเป็นอย่างไร
“กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดี เพราะเราต้องการเปิดโปงให้สังคมรับทราบถึงขบวนการที่เลวร้าย ผู้มีวิชาชีพ มีจรรยาบรรณจะต้องทำหน้าที่ของตัวเอง แต่กลับมาประพฤติมิชอบ จึงต้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นลำดับแรก ส่วนผู้ร่วมขบวนการคนอื่น ๆ ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา อย่างไรก็ตามอยากบอกว่าคดีนี้ถือเป็นการทำผิดที่เป็นปัจเจกบุคคล ไม่อยากให้เหมารวมทั้งองค์กร เพราะยังมีแพทย์อีกกว่าร้อยคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย” รอง ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า กรณีของ น.ส.บรินดา อาจระวังตัวจึงไม่มีเส้นทางการเงินไปถึง แต่พนักงานสอบสวนก็มีพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องและมีผลประโยชน์ร่วม สำหรับพยาบาลที่ทำหน้าที่ตรวจเอกสาร เบื้องต้นได้พิจารณาแล้วว่าใครจะเป็นพยาน หรือใครเป็นผู้ต้องหา ซึ่งตัวการสำคัญก็คือ น.ส.กัญยารัตน์ และ น.ส.บรินดา ที่จะต้องเอาผิดให้ได้ ส่วนกรณีให้ประกันตัวผู้ต้องหานั้น ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน รวมทั้งผู้ต้องหาบางรายก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง บางรายก็ยังรับราชการอยู่ และให้ความร่วมมือที่ดีอีกด้วย การให้ประกันฯออกไปก็ไม่น่ากังวลว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เพราะเรามีพยานหลักฐานที่เพียงพอและละเอียด เนื่องจากทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน หากพบการข่มขู่ หรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน ก็จะพิจารณาถอนประกัน ส่วนจะมีผู้บงการใหญ่กว่านี้หรือไม่ ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้งไป แต่เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบผู้บงการที่ใหญ่กว่านี้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นอกจากนี้ยังผู้ต้องหาอีก 4 คนที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว และให้ความร่วมมือ พร้อมให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีด้วย ทั้งหมดยอมรับว่าเป็นเพียงลูกข่าย ทางตำรวจจึงปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว