ทนายธรรมราช พร้อมครอบครัวเชื่อมจิตพบตำรวจ สน.ทองหล่อ ติดตามความคืบหน้าคดีแจ้งความเอาผิด “หนุ่มกรรชัย-ต้นอ้อ” หมิ่นประมาทฯ-ข่มขู่คุกคาม
วันนี้ (20 มี.ค.) นายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความพร้อมครอบครัวเชื่อมจิต และผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับดาราและพิธีกรรายการดัง
ทนายธรรมราช กล่าวว่า ในวันนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับครอบครัวของแม่นก เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี ที่ได้แจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.67 โดยเป็นการแจ้งความกับพิธีกรดังอย่างคุณหนุ่มกรรชัย และคุณต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมก่อความวุ่นวายและคุกคามจนทำให้น้องเกิดความตกใจ หวาดกลัว จึงได้แจ้งความไว้ ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ข่มขู่คุกคาม ก่อความวุ่นวายในสถานที่ราชการ และทารุณกรรมจิตใจเด็ก ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยตนเองและครอบครัวของน้อง เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามที่คู่กรณีได้มีการแจ้งความเอาไว้ แต่ปรากฏว่าทางคู่กรณีก่อเหตุการณ์ทำให้เกิดความวุ่นวาย ทางฝ่ายตนเองจึงได้มีการแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ในวันดังกล่าวด้วย ซึ่งทางตำรวจได้มีการสอบปากคำไว้ก่อนหน้าแล้ว และได้ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองคน เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นการออกหมายเรียกในครั้งแรก
ที่ฝ่ายตนเดินทางมาในวันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกมาให้ปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น เพราะในคดีนี้ทางตำรวจได้มีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวน เนื่องจากฝั่งคู่กรณีได้มีการร้องเรียนเข้ามาว่าพนักงานสอบสวนคนเดิม คือคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันดังกล่าวด้วย จึงต้องเปลี่ยนพนักงานสอบสวนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดความวุ่นวายจนสามารถเรียกได้ว่า เป็นการคุกคาม และมีการตะโกนด่าทอต่างๆ ทั้งด่าว่าเป็นมารศาสนา และท้าทาย มีหลายคำพูดเข้าข่ายการหมิ่นประมาท
ขณะที่ แม่นก กล่าวว่า เหตุการณ์วันนั้นแม้แต่จะเดินเข้าไปห้องน้ำก็ยังทำไม่ได้ อีกทั้งยังมีกลุ่มคนมาล้อมโรงพัก ซึ่งเป็นการกระทำที่มีผลต่อเด็ก แม้แต่ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ก็ยังเกิดความตกใจและหวาดกลัวด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงเดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดีเพื่อไม่ให้เป็นสองมาตรฐาน เพราะทราบว่าตัวของพนักงานสอบสวนเองก็มีความอึดอัดใจ
ในส่วนประเด็นที่ปรากฏภาพว่ามีกลุ่มบุคคลที่ศรัทธาน้องได้มีการก้มกราบไหว้ ประเด็นนี้ แม่นกชี้แจงว่า ตัวเองไม่สามารถห้ามคนที่เขามีความเชื่อและศรัทธาในตัวน้องได้ เนื่องจากกลุ่มบุคคลเหล่านี้เขากราบไหว้ด้วยความเต็มใจ ไม่มีใครไปบังคับ ส่วนชุดที่ใส่ไปทำบุญเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่จะเห็นว่าเป็นชุดคล้ายกับชุดเทพ ประเด็นนี้ตัวของคุณแม่ไม่ได้เป็นคนจัดเตรียมเอง แต่เป็นทางกลุ่มญาติธรรมเป็นผู้จัดเตรียมเอาไว้ให้ และพอวันที่น้องเดินผ่านกลุ่มญาติธรรม คนกลุ่มนี้ก็ก้มลงกราบโดยที่ไม่มีใครได้บังคับเลย
ส่วนกรณีที่จะมีการจัดกิจกรรม “เชื่อมทะลุมิติด้วยแสงแห่งธรรม” ในวันที่ 26 เม.ย.นี้ จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่น้องได้มีการจัดกิจกรรมนั่งวิปัสสนากรรมฐานในวีดิโอคอล จากนั้นก็มีเสียงแปลกๆ พูดแทรกขึ้นมา ซึ่งในตอนนั้นทุกคนคิดว่าเป็นคนนอกเข้ามาป่วน แต่ด้วยความที่น้องสามารถสัมผัสได้ จึงทราบต่อมาว่าเป็นบุคคลจากนอกโลกพยายามติดต่อเข้ามา เพื่อที่จะสนทนากัน โดยในตอนแรกยังไม่สามารถพูดคุยกันได้รู้เรื่อง จนกระทั่งน้องได้มีการเขียนสัญลักษณ์อะไรบางอย่างลงในกระดาษ นั่นจึงทำให้เริ่มสามารถพูดคุยติดต่อกันในวิดีโอคอลกลุ่มกันรู้เรื่อง จนทำให้สามารถสื่อสารกันเป็นภาษาไทยได้ จึงทำให้ปรากฏคลิปที่ได้มีการลงในโซเชียล ที่น้องได้มีการสนทนาธรรมแลกเปลี่ยนกันกับบุคคลจากนอกโลก
ซึ่งสาเหตุทั้งหมดจึงทำให้น้องตัดสินใจจะไปจัดกิจกรรมเชื่อมทะลุมิติด้วยแสงแห่งธรรม ที่เขากะลา จ.นครสวรรค์ เนื่องจากน้องเคยไปที่เขากะลา แล้วสัมผัสได้ถึงพลังงานอะไรบางอย่างกับอีกมิติ จึงเลือกสถานที่เขากะลาเป็นที่จัดกิจกรรม โดยกิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ส่วนจะสามารถเชื่อมไปถึงบุคคลจากนอกโลกได้หรือไม่นั้น ประเด็นนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล คนที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมด้วยก็มีความเชื่อไปในทิศทางเดียวกัน