xs
xsm
sm
md
lg

"อธิบดีดีเอสไอ" เผยเปิดประชุมคดีฟอกเงิน ฮั้วสว. ครั้งแรก กำหนดประเด็น-รวบรวมข้อเท็จจริงรอบด้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - “ทนายอั๋น” หอบรายชื่อผู้ช่วย สว. 200 ราย มอบ “อธิบดีดีเอสไอ” นำเข้าสำนวนสอบสวน ฮั้วสว. ชี้เตรียมนำหลักฐานเข้าองค์ประชุม 21 มี.ค.นี้

วันนี้ (20 มี.ค.) เวลา 16.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ "ทนายอั๋น บุรีรัมย์" เดินทางมามอบพยานหลักฐานต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นรายชื่อของคณะทำงานของ สว. 200 ราย และเป็นคณะทำงานชุดแรก หลังจากเปลี่ยนแปลงคณะทำงานในชุดที่ 2 เพื่อให้ดีเอสไอตรวจสอบความเชื่อมโยงของบุคคลดังกล่าว ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการฮั้วการเลือก สว. หรือไม่ เพื่อให้รวบรวมหลักฐานดังกล่าวเข้าสู่สำนวนของดีเอสไอ

นายภัทรพงศ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมายื่นเอกสารรายชื่อของบรรดาผู้ช่วย สว. ที่เป็นคณะทำงานชุดแรก ซึ่งภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงคณะทำงานในชุดที่ 2 โดยไม่ทราบสาเหตุการเปลี่ยนคณะทำงานยกชุดเพราะอะไร โดยเฉพาะ สว. ลำดับ 13 คือ ศาสตราจารย์ดร.พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ "หมอเกศ" ที่ได้เปลี่ยนคณะทำงานยกชุดทั้งหมด ซึ่งทำงานได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น

ทนายอั๋น กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี สว. บางท่านจากบุรีรัมย์ ได้เอาญาติตัวเองไปเป็นผู้ช่วยให้กับ สว.ท่านอื่น ซึ่งไปรู้จักกันตอนไหน มีความสัมพันธ์กันอย่างไรถึงมอบหมายญาติตัวเองไปเป็นผู้ช่วย สว.ท่านอื่น ทำไมไม่มาเป็นผู้ช่วย สว.ของตัวเอง และ โดยปกติ สว. ที่เราเคยได้ยินจะมาเป็นจาก อสม. หรือ เกษตรกร เป็นต้น แต่การหาผู้ช่วย สว. มาช่วยงาน ควรจะต้องหาคนที่มีความรู้ความสามารถ คุณวุฒิ ที่ตรงกับสายงานที่ตัวเองเป็น สว.ในกลุ่มนั้นๆ ไม่ใช่สลับกันไปหมด ทั้งนี้ ตนมาเป็นครั้งที่ 3 นำพยานหลักฐานมามอบให้ดีเอสไอ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่การสอบสวน

"นอกจากนี้ ยังติดใจกรณีทราบว่า ดีเอสไอ รับคดีฟอกเงิน ฮั้วสว. เป็นคดีพิเศษ ในประเด็นความผิดมูลฐานการฟอกเงินซึ่งเป็นความผิดชั้น 2 และต้องมีความผิดมูลฐานก่อน สมมุติว่าหากสอบเส้นทางการเงินไปแล้วไปแตะนาย ก. ข. ค. ซึ่งอาจเป็นความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร หรือความมั่นคงเกี่ยวกับรัฐ คำถามคือใครจะเป็นเจ้าภาพทำคดีดังกล่าว หรือให้รอ กกต. แต่ด้วยข้อห่วงใย ผมจะเดินทางมาดีเอสไออีกครั้ง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษจำนวนคนที่อยู่ในโพยฮั้ว 140 รายชื่อให้แยกเลขคดีพิเศษเป็นคดีใหม่ ฐานอั้งยี่ซ่องโจร"

ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ภายหลังจากที่บอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 รวมถึงได้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งทางอัยการสูงสุดยังได้มีการมอบหมายพนักงานอัยการ 8 ราย จากสำนักงานการสอบสวน มาร่วมเป็นพนักงานสอบสวนกับดีเอสไอ ตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) เวลา 13.30 น. จะได้มีการประชุมร่วมกันครั้งแรกครบองค์คณะ ระหว่างดีเอสไอและอัยการ ทั้งนี้ รายละเอียดประเด็นต่างๆ อาจยังไม่สามารถนำเปิดเผยได้ในตอนนี้ เพราะยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวน

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า สำหรับวาระการประชุมในวันพรุ่งนี้ (21 มี.ค.) วาระสำคัญคือการประชุมเปิดคดี เพื่อจะได้กำหนดประเด็นทางคดี เพราะอัยการที่มาร่วมสอบสวนอาจยังไม่รู้พฤติการณ์ที่มีการกล่าวหา ดีเอสไอจึงต้องนำเสนอให้อัยการได้รับทราบด้วย และจะได้ร่วมกันกำหนดประเด็นที่จะสอบสวนร่วมกันต่อไป อย่างไรก็ตาม หลักการในการสอบสวน คือ หากมีหลักฐานอะไรที่เป็นประโยชน์ที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ พนักงานสอบสวนก็มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเพื่อจะพิสูจน์ความผิดและความบริสุทธิ์ของผู้ที่ถูกกล่าวหา

ทั้งนี้ หากในการประชุมสามารถลงรายละเอียดได้ถึงขั้นตอนการแบ่งหน้าที่การสอบสวนระหว่างดีเอสไอและอัยการ เราก็จะได้หารือเรื่องนี้ร่วมกัน เพราะตนเพิ่งได้รับหนังสือแจ้งกลับจากอัยการเมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) จึงประสงค์ที่จะนัดประชุมให้เร็วที่สุด จะได้ตระเตรียมประเด็นด้วยกัน

ส่วนกรณีพยานเอกสารหลักฐานซึ่งนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ได้นำมามอบให้ในวันนี้นั้น จะถูกนำเข้าพิจารณาในการประชุมพรุ่งนี้หรือไม่ ต้องถือว่าเป็นการแจ้งข้อมูลมายังดีเอสไอ เราก็ต้องนำเข้าไว้เป็นประเด็นในการสอบสวนด้วย เพราะอย่างที่เรียนว่าเรามีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าอะไรเกิดขึ้นที่ไหนอย่างไร ใครเกี่ยวข้องบ้าง และเป็นพฤติการณ์ในความผิดฐานใด


กำลังโหลดความคิดเห็น