ตำรวจทางหลวงทลายแก๊งหลอกเช่ารถแล้วเชิดหนี ก่อนปลอมเอกสารหลอกขนส่งแจ้งเปลี่ยนทะเบียนเป็นรถถูกกฎหมาย นำไปโพสต์ขายในโซเชียลฯ พบเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท
วันนี้ ( 20 มี.ค.) พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง.ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล. พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สวญ.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. พ.ต.ท.ทศพล กิตติลาภ สวญ.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล. พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ร่วมแถลงผลทลายขบวนการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยรถเช่า ด้วยการปลอมแปลงเอกสารราชการ ตบตาเจ้าหน้าที่เพื่อขอเปลี่ยนเลขทะเบียนจากรถผิดกฎหมายให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย
พล.ต.ต.คงกฤช กล่าวว่า คดีนี้คนร้ายทำกันเป็นขบวนการโดยแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน มีกลุ่ม Master Mind ทำหน้าที่สั่งการและเป็นนายทุน, กลุ่มที่ทำหน้าที่ขโมยรถเช่า, กลุ่มที่ทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารเพื่อใช้ยื่นขอทะเบียนใหม่พร้อมกับเล่มคู่มือจดทะเบียน การฟอกขาวรถยนต์ที่ถูกขโมยมา, กลุ่มทำหน้าโพสต์ขายรถยนต์ที่ฟอกขาวเรียบร้อยแล้วในโซเชียลมีเดีย และกลุ่มทำหน้าที่เป็นนักบิน รับส่ง-รถที่ได้มาจากการโจรกรรม ทาง ตำรวจได้ขอหมายจับไว้ 9 หมาย โดยใช้เวลาสืบสวนเป็นระยะเวลา 2 เดือนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 ราย คือ นายธราเทพ อายุ 32 ปี และ น.ส.ภัทราดา อายุ 32 ปี หัวหน้าขบวนการ พร้อมลูกสมุนในเครือข่ายอีก 6 ราย โดยทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันยักยอก หรือ รับของโจร,ร่วมปลอมแปลงเอกสารราชการ,แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน และ แจ้งให้เจ้าพนักงานจเข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร”
พ.ต.ท.ทศพล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีกลุ่มคนร้ายทำทีติดต่อขอเช่ารถจากบริษัทของ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนตัดสัญญานจีพีเอสแล้วเชิดรถหนีหายไป ต่อมา น.ส.เอ ได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า รถคันดังกล่าวได้มีการแจ้งเปลี่ยนทะเบียน แล้วนำไปโพสต์ขายออนไลน์ จึงได้โทรขอความช่วยเหลือมายังตำรวจทางหลวงให้ช่วยติดตามรถคันดังกล่าว จากการประสานความร่วมมือจากกรมการขนส่งทางบกทำให้ทราบว่าเอกสารทั้งหมดที่กลุ่มคนร้ายใช้ยื่นเพื่อขอเปลี่ยนเลขทะเบียนรถเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้น จากนั้นจึงตามสกัดรถคันดังกล่าวได้ที่ จ.ตาก ก่อนขยายผลจับกุมได้เกือบยกแก๊งดังกล่าว
พ.ต.ท.ทศพล กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ ว่าในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาได้ทำการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมย โดยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 4 คัน เงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหา ทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจเชื่อว่ามีรถที่ถูกฟอกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คัน ทั้งนี้จะประสานกับกรมการขนส่งทางบกให้คัดกรองรถที่มีความเสี่ยงออกมา จากนั้นจะดำเนินการตรวจสอบทางทะเบียนและผู้ครอบครองเพื่อดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามขอฝากไปถึงผู้ซื้อรถจะสังเกตได้อย่างไรว่าจะถูกหลอกขายรถยนต์หรือไม่ให้สังเกตได้จากเล่มทะเบียนรถที่มีการระบุว่า ออกแทนเล่มสูญหาย ซึ่งรถที่ได้มาจากวิธีการไม่ถูกต้องจะไม่มีเล่มทะเบียนจริง ฉะนั้น ควรตรวจสอบให้ลึกลงไปว่าทำไมถึงไม่มีเล่มทะเบียนจริง และให้ตรวจเช็คที่หน้า 18 โดยรถยนต์ที่ถูกขโมยมาส่วนใหญ่จะมีการขอเปลี่ยนย้ายจังหวัด