"สนธิ" เผย ตร.ชุดทำคดีแตงโม ปฏิเสธ หลังดีเอสไอ.เชิญสอบ อ้างไม่มีอำนาจ แนะ ดีเอสไอ.ยังไม่รื้อคดี แค่สอบสำนวนไหนที่บอกพร้อง คาดอาจโดน ม.157
นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องของคดีกังวลมีความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ว่า สำหรับเรื่องนี้มีความคืบหน้าแต่ในเรื่องของรายละเอียด ตนไม่รู้คนที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีที่สุดคืออาจารย์ปานเทพ เพราะว่าตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องนี้ตนทำหน้าที่เป็นเพียงแค่แบ็คให้เขา ในกรณีที่เขาถูกแรงกดดันมากแล้วเขารับไม่ไหว แล้วตนจะยื่นมือเข้าไป ส่วนข้อเท็จจริงลึกลึกแล้วอย่าไปเข้าใจผิดตนไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะว่าตนให้เกียรติเขา หากตนเรียกเขามาถามมันก็จะไม่ดี ตนรู้แต่เพียงว่า ดีเอสไอเขาทำไว้เยอะแล้ว เขาคงจะมีอะไรหลายหลายอย่างเท่าที่ตนสังเกต แต่ว่าทางดีเอสไอเขาไม่พูดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นตนจึงคิดว่าควรจะเย็นไว้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านได้ยืนยันว่าท่านไม่ทิ้งเรื่องแตงโม ถ้าไปให้สุดซอยก็คือต้องไปสุดซอย คนที่มีปัญหาคือ พวกทีมงานตำรวจโดยเฉพาะทีมงานตำรวจภูธรภาค 1 ที่ทำคดีนี้ตั้งแต่ต้น ถึงกับปฏิเสธเรียกตัว ซึ่งทางดีเอสไอได้เชิญตัวมาให้ปากคำ แต่เขาบอกว่าดีเอสไอมีอำนาจ มันก็คงจะมีความขัดแย้งในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ
ซึ่งตนคิดว่าดีเอสไอเขาพร้อมเมื่อไหร่เค้าก็คงจะประกาศว่ารับคดีนี้ ตนอยากให้ทุกคนใจเย็นเพราะว่าเรื่องนี้มันผ่านมากว่า 3 ปีแล้ว แต่ที่แน่ๆสามารถที่จะจับโกหกคนได้เยอะ ซึ่งถ้าไม่มีอาจารย์ปานเทพก็ไม่มีหมอธวัชชัย ความจริงก็จะไม่ปรากฏ ความจริงจะเป็นด้านเดียวกับที่ทางตำรวจเสนอมา แต่เมื่อทีมงานของอาจารย์ปานเทพเข้ามา ทำให้คนเริ่มสงสัยว่าที่ตำรวจแถลงมันขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ตั้งหลายข้อตรงนี้ต่างหากที่ตนคิดว่าสังคมไทยควรให้ความสนใจรวมถึงเป็นเรื่องที่ดีที่ตนได้รับทราบ แต่ยังไม่มีการประกาศที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็น ผบ.ตร. ฉันบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่านเลยมันจบตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะเข้ามาแล้วซึ่งเรื่องนี้มันอยู่ในศาล โดยท่านพร้อมที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแต่ว่าไม่ใช่แค่เฉพาะในส่วนของคดีแตงโมแต่ว่าคณะกรรมการชุดนี้ถ้าสมมติว่ามีอะไรก็ตามที่มันไม่ชอบมาพากลในการดำเนินคดีถึงแม้ว่าจะขึ้นศาลก็ตามให้ร้องเรียนมาได้ที่คณะพนักงานชุดนี้ไม่ใช่แต่แค่เฉพาะคดีแตงโมแต่ว่าคดีของแตงโมจะเป็นหนึ่งในคดีนั้นเพราะถือได้ว่าเป็นข่าวดี
สำหรับกรณีที่ทางตำรวจภาค 1 ได้ไปยื่นหนังสือที่ดีเอสไอก็ต้องตีความเอาเองว่าเค้านั้นร้อนตัวหรือไม่ตนคิดว่าถ้าเค้ามีความมั่นใจก็ไม่ควรที่จะต้องร้อนตัวเขาก็ควรที่จะพูดสั้นๆว่า “ผมมั่นใจในการทำงานของผม” ก็จบแล้ว แต่เค้ากลับมาพูดว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจต้องถามย้อนกลับไปว่าเขานั้นเข้าใจอะไรผิดหรือไม่ เค้าไม่ได้รื้อฟื้นคดีแต่เค้ากำลังจะทำในเรื่องว่า ตำรวจภูธรภาค 1 ทำสำนวนสอบสวนชอบหรือไม่ แล้วทำครบทุกขั้นตอนหรือไม่ถ้าไม่ถูกต้องแล้วมันมีขั้นตอนไหนบ้างที่ดีเอสไอค้นพบ ก็หมายความว่าความผิดอยู่ที่ตำรวจภูธรภาค 1 จะจะต้องโดน 157 สมมุติว่าถ้าในการทำคดีนี้นั้นไม่ถูกต้องก็จะลามไปจนถึงสำนวนสอบสวนโดยที่ไม่ต้องไปรื้อ