”ฟิล์ม- รัฐภูมิ“อาจฟ้องกลับ "ดีเจเเมน-ใบเตย" หลังปูดเรื่องตบทรัพย์ 14 ล้าน ลั่นไม่กังวลเพราะไม่เคยทำ ด้าน"ทนายประมาณ"เผยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีฟ้อง ”กรรชัย-อี้“เดือนหน้า
วันนี้ (3 มี.ค.) นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" ดารานักแสดง พร้อมนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความชื่อดัง เดินทางไปยังศาลอาญามีนบุรี ในฐานะพยาน ในคดีที่ผู้เสียหายยื่นฟ้องคดีเกี่ยวกับการลงทุนคริปโต
นายประมาณ กล่าวว่า วันนี้ นายรัฐภูมิ หรือ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" มาในฐานะพยานตามหมายเรียกของศาล โดยได้ให้ข้อมูลว่า เข้าไปเกี่ยวข้อง เฉพาะเรื่องของการถูกเชิญไปเป็นวิทยากร พูดเรื่อง blockchain และในวันดังกล่าวไม่ได้มีแค่"ฟิล์ม-รัฐภูมิ"คนเดียว ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนมาก ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลงทุนของโจทก์ทั้งหมด ที่ซึ่ง บริษัท ส.เข้าไปดำเนินการ อะไรต่างๆ ฟิล์มก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
นายรัฐภูมิ กล่าวอีก ว่าคดีนี้ตนเข้าไปเป็นวิทยากร และทำโฆษณาให้เขาเท่านั้น เพราะ ตนเองมีความรู้เรื่อง บล็อกเชน เคยเป็นอาจารย์สอนเรื่องการตลาด และการที่ตนเองถูกเชิญ ไปเป็นวิทยากรพูดเรื่องพวกนี้ เขาคิดว่าตนไปมีรูปกับบริษัทไหน หากมีสัก 10 บริษัทที่เขามีคดีความกันอยู่ เขาก็เอาทั้ง 10 มาพูดเพื่อดิสเครดิต ตนเอง คิดว่าการกระทำแบบนี้ มันไม่ค่อยแฟร์ พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่เคยกังวลใจเลยแม้สักคดี เพราะตนเองไม่ใช่คนที่จะไปทำแบบที่เขาพูดกันและตั้งแต่ ตนเองเป็น"ฟิล์ม-รัฐภูมิ" ก็ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมายเลย ตนเองเคารพกฎหมายและอยู่กับประชาชนมานานจะเอาตัวเองไปทำผิดทำไม แต่สิ่งที่เขาพูดพยายามยึดเครดิตเราคือไม่ถูกต้อง
ส่วนประเด็นดีเจแมนและใบเตย ที่มีการประโคมข่าวกันในทำนองว่า ตนเองไปเรียกเงินรวม 14 ล้านบาทนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีอะไร เพราะถ้าเป็นความจริงป่านนี้ใบเตยคงออกมาพูดแล้ว ส่วนจะมีการฟ้องดำเนินคดีหรือไม่ เดี๋ยวขอดูอีกที เพราะช่วงหลังเขาก็โอเคไม่ได้อะไร ก็พร้อมที่จะให้อภัยเพราะยังไงก็เป็นพี่น้องกัน แต่ว่าอะไรที่มันเกินเลยไป เตือนเสมอว่าก็ต้องรับผลการตรงนั้น
นายรัฐภูมิ ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาเห็นว่าตัวเองไม่พูดไม่ตอบโต้อะไร ก็ไม่เข้าใจว่า คุณบอกว่าอยากสงบแต่ไม่หยุดสักที บอกว่าไม่ได้ติดใจอะไรกับตนเอง แต่ก็มาโจมตีผมทั้งๆ ที่ผมไม่เคยทำอะไรใคร วันหนึ่งความจริงมันจะปรากฏ เพราะวันนี้ผมกับอาจารย์ประมาณ ก็วิ่งหาความจริงกันอยู่และส่งทุกความจริงให้ทุกหน่วยงานดูหมดแล้ว เห็นผมเงียบๆไม่ใช่ผมอยู่เฉยๆ ผมเอาทุกหลักฐานส่งให้ทุกหน่วยงานดูหมดแล้วเอาเป็นว่ารอวันนั้นที่ความจริงปรากฏจะมีใครที่เห็นใจผม ผมโดนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กและเมื่อเวลา 1 ปี หรือ 2 ปี เพิ่งจะมาเห็นใจตนเอง แต่ไม่เป็นไร ตนอดทนรอได้ เอาเป็นว่ารอวันนั้นที่ความจริงมันปรากฏยังไงก็เห็นใจผม พ่อแม่ผมและสิ่งที่ผมโดนด้วยแค่นั้นเอง
นายประมาณ ยังบอกด้วยว่า คดีที่ฟ้องหนุ่มกรรชัยและอี้-แทนคุณ ได้มีการยื่นฟ้องเองและศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในเดือน เม.ย. ถ้าเขาจะฟ้องกลับ ก็ไม่สนใจ ฟ้องกลับก็ไปว่ากันในศาล ว่าอะไรคือความผิด อะไรคือความจริง ถ้าเป็นความเท็จก็จะโทษหนักขึ้นไปอีกก็ช่วยกันไม่ได้เตือนกัน