อัยการทั่วประเทศลงคะแนนเลือก ก.อ.ชุดใหม่ ใครได้รับเลือก รู้ผล11 มี.ค.นี้ หลังเปิดส่งบัตร 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ประเภทอัยการชั้น 5 ขึ้นไป ดุเดือด ”โกวิท“มาเต็ง สายบำนาญ“ยรรยง” อดีตเลขาฯสำนักงานอัยการสูงสุดคนเเรกมีลุ้น!
วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สํานักงานคณะกรรมการอัยการได้เผยเเพร่เอกสาร ข้อมูลในการแนะนำตัว ประวัติการทำงาน ผลงาน และวิสัยทัศน์ เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนเพื่อรับการเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.อ.) ปี 2568
ด้วยกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในช่วงเดือน มี.ค.2568 ซึ่งตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 มาตรา 23 วรรคหนึ่ง ให้อัยการสูงสุด ดำเนินการให้มีการเลือกประธานคณะกรรมการอัยการ หรือก.อ. และกรรมการอัยการ ผู้ทรงคุณวุฒิ ภายใน 60 วันก่อนวันครบกำหนด วาระหรือภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีเหตุต้องเลือก และการออกเสียงลงคะแนนต้องกระทำโดยวิธีลับ แล้วได้ส่งบัตรลงคะเเนนไปถึงพนักงานอัยการที่มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศเเล้วตั้งเเต่วันที่ 17 ก.พ.2568
ปรากฏว่ามีผู้แสดงความประสงค์จะให้สำนักงาน คณะกรรมการอัยการเผยแพร่ข้อมูลในการแนะนำตัว ประวัติการทำงาน ผลงาน และวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ของตน เรียงตามลำดับตัวอักษร ดังนี้
ก. กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ ด้านการพัฒนาองค์กร หรือด้านการบริหารจัดการ
1.รศ.ดร.เจษฏ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
2.น.ส.ปิยพรรณ พสุวิทยกุล ข้าราชการบำนาญกรมสรรพากร
3.รศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ คณบดีเเละประธานหลักสูตรนิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต คณะสังคมศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
4.นางวิจิตรา งามนิยม ข้าราชการบำนาญ
5.พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
6.น.ส.สุขุมา อักษรทอง ข้าราชการบำนาญ นักตรวจสอบภาษีชำนาญการพิเศษ
7.นางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
8.นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
ข. กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภทผู้รับบำเหน็จหรือบำนาญ
1.นางชนิญญา ชัยสุวรรณ อดีตอธิบดีอัยการคดียาเสพติด
2.นายนันทศักดิ์ พูลสุข อดีตผู้ตรวจการอัยการเเละอธิบดีอัยการคดีพิเศษ
3.นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ ข้าราชการอัยการบำนาญ
4.นายพรศักดิ์ ศรีณรงค์ อดีตรองอัยการสูงสุด เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา
5.นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล ข้าราชการบำนาญอดีตเลขานุการอัยการสูงสุด เเละอดีตเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุดคนเเรก
6.นายวิภาส สระรักษ์ อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเเรงงานภาค 6
7.นายศิริศักดิ์ อัครปรีดี อดีตอธิบดีอัยการภาค 2
8.นายสุทธิ กิตติศุภพร อดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้
9.นายอภิชาต อาสภวิริยะ อดีตอธิบดีอัยการคดีศาลสูง
ค.กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภทข้าราชการอัยการชั้น 5 ขึ้นไป
1.นายโกวิท ศรีไพโรจน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต
2.นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการภาค 3
3.นายชัย จันเฮียงมิ่ง อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 1
4.นายชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
4.นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9
5.นายต่อศักดิ์ บูรณะเรืองโรจน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ
6.นายตะวัน สุขยิรัญ อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปกครองสงขลา 1
7.นายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีแรงงาน 1
8.นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด
9.นายรมย์ศักย์ ธรรมชัยเดชา รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูง
10.นายสมชาย พนมรักษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคณะกรรมการอัยการ 3
11.นายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา
12.นายสุรเชษฐ์ งามวงศ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร
สำหรับคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ทั้ง15 คนนั้น จะประกอบด้วยประธานคณะกรรมการอัยการ (ประธาน ก.อ.) จำนวน 1 คน ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่ข้าราชการอัยการ เเละมีคุณสมบัติตามกฎหมายมาจากการเลือกตั้งของอัยการทั่วประเทศ ล่าสุดคือ นายเรวัตร จันทรประเสริฐ อดีตรองอัยการสูงสุดเป็นประธาน และให้มีอัยการสูงสุดเป็นรองประธาน ก.อ.โดยตำแหน่ง ทั้งให้รองอัยการสูงสุดตั้งเเต่อาวุโสอันดับ 1-5 เป็น ก.อ.โดยตำแหน่งเช่นกัน ส่วนที่เหลือจะเป็นอัยการที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 2 คน กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 คน ซึ่งไม่เป็นหรือเคยเป็นอัยการมาก่อนและเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ การพัฒนาองค์กร หรือการบริหารจัดการ (มาจากการเลือกของอัยการยกเว้นอัยการผู้ช่วย) เเละประเภทข้าราชการอัยการชั้น 5 ขึ้นไป จำนวน 4 คน โดยให้อธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ เป็นเลขานุการ ก.อ.
ทั้งนี้ คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ทั้ง 15 คน เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาความเหมาะสมแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอัยการทุกระดับ และการพิจารณาดำเนินการทางวินัยและการสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการอัยการที่กระทำผิดระเบียบ รวมทั้งการพิจารณาออกระเบียบบริหารงานบุคคลอัตรากำลังข้าราชการฝ่ายอัยการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในกลุ่มผู้สมัครกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ ด้านการพัฒนาองค์กร ฯ ที่จะมีโอกาสได้รับเลือกจำนวน 2 คน ผู้ที่มีบทบาทโดดเด่น ได้เเก่ นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เนื่องจากสํานักงานอัยการสูงสุดจะต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบุคคลดังกล่าวในเรื่องการเงินและงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมาผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ มักจะได้เป็น ก.อ.ที่อัยการทั่วประเทศพร้อมใจกันเลือกแทบทุกสมัย จึงถือเป็นเต็งหนึ่งในสายนี้
ส่วนนางสุดฤทัย เลิศเกษม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทน่าสนใจ เพราะว่ามีความสามารถเคยเป็นผู้เข้าอบรมหลักสูตรอธิบดีอัยการรุ่น 14 เนื่องด้วยความเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ รวมถึงมีนโยบายสําคัญที่จะเข้ามาช่วยประชาสัมพันธ์เชิงรุกของสำนักงานอัยการ รวมทั้งมีเพื่อนในรุ่นอบรมหลักสูตร เเละผู้ใหญ่ระดับสูงที่เคยอยู่ในองค์กรอัยการที่มีฐานเสียงเป็นลูกศิษย์อัยการให้การสนับสนุน
ส่วนที่น่าจับตาอีกคน รศ.ดร.ภูมิ คณบดีหลักสูตรนิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต ม.ศรีนครินทรวิโรฒ เนื่องจากมีความสนิทกับ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับความเชื่อใจจากอัยการทั่วประเทศ เลือกเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนชักชวนมาสมัครเป็นกรรมการอัยการเพื่อให้ประโยชน์กับด้านวิชาการด้านกฎหมาย กับสํานักงานอัยการสูงสุด รวมถึงภาควิชามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ก็มีอัยการจากสำนักงานอัยการหลายคนไปเรียนเป็นนักศึกษาปริญญาเอก จึงมีฐานเสียงที่น่าจับตามองอีกคน
นอกจากมีดีกรีเป็นคณบดีและประธานหลักสูตรนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต มศว.เเล้วยังดำรงตำเเหน่ง คณะกรรมการขับเคลื่อนการรับฟังความคิดเห็นกฎหมายที่เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เเละคณะกรรมการวิจัยและพัฒนาของวุฒิสภา,ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายสถาบันพระปกเกล้า โดยครั้งที่แล้วลงเลือกตั้ง ก.อ.ได้ 1,200 กว่าคะแนน ครั้งนี้น่าจะเข้าเป้าได้
ในส่วน ก.อ. ประเภทผู้รับบำเหน็จหรือบำนาญ ตอนนี้ที่ขับเคี่ยวกันอยู่ ประกอบด้วย นายพรศักดิ์ ศรีณรงค์ อดีตรองอัยการสูงสุด , นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ ข้าราชการอัยการบำนาญ ,นายศิริศักดิ์ อัครปรีดี อดีตอธิบดีอัยการภาค 2 ,นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล ข้าราชการบำนาญ อดีตเลขานุการอัยการสูงสุด และอดีตเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุด
นายพรศักดิ์ ศรีณรงค์ รองอัยการสูงสุด มีความโดดเด่นที่เป็นอัยการสายงานคดี ไต่เต้ามาจากในพื้นที่ภาค 3 สายอีสานเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นตําแหน่งอธิบดีอัยการศาลสูงภาค 3 อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวง อาญาธนบุรี เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ซึ่งเป็นสำนักงานหลักของประเทศ ก่อนจะขึ้นมาเป็นผู้ตรวจการและรองอัยการสูงสด น่าจะได้คะเเนนเสียงทั้งจากอัยการต่างจังหวัด เเละในพื้นที่ส่วนกลางที่เทคะแนนให้ อีกทั้งมีความเข้าใจการสั่งสํานวนคดีของราชการ ถ้าหากมีข้อตําหนิผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากการทําคดี รุ่นน้องอัยการเชื่อว่านายพรศักดิ์มีความเข้าในแนวทางของคนทํางานคดีมากที่สุดคนหนึ่ง
ส่วนนายศิริศักดิ์ อัครปรีดี อดีตอธิบดีอัยการภาค 2 เป็นอัยการที่มีภาพลักษณ์ดี เคยเป็นอธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด ,อธิบดีอัยการสํานักงานนโยบายยุทธศาสตร์และงบประมาณ มาเป็นอธิบดีอัยการภาค 2 ซึ่งอัยการรุ่นน้อง จะรู้จักดีว่าเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรีเป็นคนนุ่มนวล
น่าสนใจอีกคนคือ นายประสิทธิ์ ปทุมารักษ์ ข้าราชการอัยการบำนาญ ซึ่งเป็นอัยการผู้ใหญ่ แม้จะออกจากวงการอัยการไปนานมากแล้ว แต่ชื่อเสียงโดดเด่นมาก เพราะไปทํางานในฐานะเป็นวุฒิสมาชิก( สว.) ในวุฒิสภา รวมทั้งยังเคยเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทํางานในสภาหลายยุคหลายสมัยเป็นคนที่อัยการในพื้นที่ภาค 7 ให้ความนิยม อีกทั้งนามสกุล ปทุมารักษ์ ก็เป็นนามสกุลของนักการเมืองในจังหวัดนครปฐมด้วย
นายยรรยง เดชอภิรัชต์มงคล คนนี้ก็จะมีบทบาทที่เป็นที่รู้จักกันในฐานะเป็นเลขานุการนายอํานาจ เจษเจริญรัตน์ อัยการสูงสุดท่านที่เเล้ว ซึ่งนายยรรยงถือเป็นมือประสานเเละเป็นมือบริหารที่โดดเด่นของสำนักงานอัยการสูงสุด มีผลงานร่างระเบียบเเละกฎหมายสำคัญที่เป็นประโยชต์ต่อองค์กรเเละส่วนรวม ทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ให้เป็นเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุดคนเเรกของสำนักงานอัยการสูงสุด เทียบในสายบำนาญที่ลงสมัครครั้งนี้ ก็ถือเป็นคนที่ในองค์กรยังรู้จักเเละให้ความเชื่อใจในความรู้ความสามารถเเละฝีมือบริหารอยู่ ดังนั้นตัวเต็งก็จะอยู่ใน 4 คนนี้ โดยสายนี้สามารถเลือกเข้าไปเป็น ก.อ.ได้ 2 คน
ในส่วน ก.อ.ที่เป็นข้าราชการอัยการตัังเเต่ชั้น 5 ขึ้นไปที่จะต้องเลือก 4 คน
เต็ง 1 ตอนนี้ยังเป็นนายโกวิท ศรีไพโรจน์ อธิบดีอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตฯ ดูได้จากคะแนนเลือกตั้ง ก.อ.ซ่อมเเทนตำเเหน่งของนายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ และการเลือกตั้งกรรมการเนติฯ รวมถึงนายโกวิทย์เคยเป็นอดีตอธิบดี อัยการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ(สพอ.) หรือครูใหญ่โรงเรียนอัยการ โดยมีบทบาทในการจัดอบรมบรรยายปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรบทบาทหน้าที่ของอัยการผู้ช่วยที่สอบได้รวมถึงพัฒนาเพิ่มพูลทักษะของข้าราชการอัยการทั้งหมด ซึ่งทำให้รู้จักอัยการรุ่นใหม่ที่ผ่านเข้าอบรมจำนวนมาก การลงเลือกตั้งคาดว่าได้คะแนนนิยม ทั้งนี้ นายโกวิท เป็นอัยการสายบู๊ ดูงานคดีลูกหม้อสำนักงานคดีพิเศษเก่า เคยรับผิดชอบคดีม็อบการเมืองและคดีผู้มีอิทธิพลสำคัญก่อนย้ายกลับไปภาคใต้ มีบทบาทในเรื่องคดีที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและคดีเจ้าหน้าที่รัฐประพฤติมิชอบสมัยเป็นอธิบดีอัยการปราบปรามทุจริตญภาค 8 ทำให้ชื่อเสียงนายโกวิทในภาคใต้เป็นที่นิยม ที่สำคัญ เป็นคิวที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดในอนาคต ฐานเสียงก็จะมาจากผู้เข้าร่วมอบรมเเละอัยการในพื้นที่ภาคใต้ (ภาค8) ก็ทําให้มีบทบาทโดดเด่น
อีกคนคือ นายสุรเชษฐ์ งามวงศ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ ที่รับสำนวนคดีเศรษฐกิจที่มีความซับซ้อนก่อนหน้านี้สมัยเป็นอัยการจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นจังหวัด สำคัญที่มีคดีสำคัญจำนวนมาก พอเข้าระดับฝ่ายก็มาอยู่ที่ที่สำนักงานอัยการคดีศาลสูงเเละสำนักงานคดีพิเศษซึ่งถือเป็นสำนักงานเกรดเอ เป็นอัยการมีฝีมือ ที่ผู้ใหญ่ไว้เนื้อเชื่อใจให้อยู่สำนักงานสำคัญมาโดยตลอด ด้วยความที่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเเละยังเป็นคนนุ่มนวล เป็นที่รักของน้องๆเพื่อนฝูง รวมถึงมีบทบาทเป็นสื่อกลาง ในการทำงานทั้งในองค์กรเเละนอกองค์กร อย่างถ้ามีการถ้าประชุมกับหน่วยงานต่างๆ ภายนอกอย่างเช่นศาลยุติธรรมนายสุรเชษฐ์ ก็มักจะได้รับความไว้วางใจในการทำหน้าที่ ฐานเสียงก็จะมีทั้งในภาคใต้เนื่องจากเคยเป็นอัยการจังหวัดนาทวี เเละในพื้นที่สำนักงานอัยการภาค 1 เเละภาค2ก็เป็นที่รู้จักเป็นคนที่อัยการรุ่นน้องสามารถมาถามหารือได้เนื่องจากมีความรู้ความสามารถ เเละมีมนุษย์สัมพันธ์ ที่ผ่านมาก็ช่วยสนับสนุนกิจกรรมของอัยการตลอดไม่ว่าจะด้านกีฬาหรือวิชาการ และจากการเลือกตั้ง กรรมการเนติฯที่ผ่านมาเเม้จะไม่ได้รับเลือกเเต่ก็มีคะเเนนทิ้งห่างกับคนที่ได้เเค่นิดเดียว ซึ่งก็มีการทําการบ้านต่อเนื่อง ยังเข้าถึงน้องๆในสำนักงาน มีการเดินตามแนวทางของนายพรชัย ชลวาณิชกุลซึ่งเคยเป็น ก.อ.ที่คะแนนท่วมท้นคนนึง
ตังเต็งอีกคนคือ นายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีแรงงานภาค 1 อดีตเลขานายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อดีตอัยการสูงสุด คนนี้ก็เป็นรายการโดดเด่นเป็นประธานรุ่นหลักสูตรอธิบดีอัยการรุ่น 14 ซึ่งเป็นอัยการรุ่น 100ปีปีรุ่นเดียวกันกับนาย นายประยุทธ เพชรคุณ อดีตโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นอัยการที่ลงเลือกตั้งทั้งภายในภายนอกองค์กรกจะมีคะเเนนท่วมท้นได้เป็นอันดับ 1 ซึ่งทั้งคู่มีความสนิทเป็นเพื่อนรักกัน ฐานเสียงก็จะเป็นกลุ่มเดียวกัน จึงเชื่อว่าจะได้ฐานเสียงจากของนายประยุทธ ไปด้วย
ที่น่าจับตามองในตอนหลังคือ นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการภาค 3 ก็ถือเป็นตัวเต็ง ในกลุ่มนี้
เพราะเป็นคนมีบุคคลิกพิเศษเป็นคนเข้าถึงง่าย ไม่ถือตัวเป็นกันเองกับทุกคน รวมถึงให้ความเป็นธรรมกับลูกน้อง เคยเป็นอดีตอธิบดีอัยการปราบปรามการทุจริตฯภาค 2 มีผลงานในคดีใหญ่ๆ คะเเนนเสียงจะเทมาจากพื้นที่ ภาค 2 ที่เคยรับการมายาวนาน รวมถึงจะได้จากพื้นที่ภาค 3 ที่ดำรงตำเเหน่งในปัจจุบันด้วยเนื่องจากการวางตัวที่เป็นกันเอง
ยังมีนายณรงค์ ศรีระสันต์ รองอธิบดีอัยการภาค 9 อดีตรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นอัยการที่มีบทบาทให้ความรู้กับประชาชน จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ของประชนเเละอัยการ ล่าสุดได้ย้ายกลับพื้นที่บ้านเกิดในภาคใต้เชื่อว่าคะเเนนเสียงในภาค8 เเละ 9 รวมถึงภาคกลางจะสนับสนุน
สำหรับการเลือกตั้ง ก.อ.ในครั้งนี้ มองว่าคะแนนน่าจะแตกกระจาย จะไม่ทีผู้ได้คะแนนทิ้งขาดสูงมาก คิดว่าได้คะแนน 1,000 กว่าคะแนน ก็น่าจะได้รับการเลือกตั้งเป็น ก.อ.เเล้ว
โดยการเลือกตั้ง ก.อ.มีกำหนดส่งบัตรคืนภายในวันที่10 มี.ค. 2568 เเละนับคะแนนในวันที่ 11 มี.ค 2568
ทั้งนี้นายประยุทธ เพชรคุณ กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เเถลงภายหลังการประชุม ก.อ.เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ถึงการเลือกตั้ง ก.อ.ว่า ขอเชิญชวนพี่เพื่อนน้องชาวอัยการทั่วประเทศใช้สิทธิเลือกตั้งกรรมการอัยการ เพื่อเป็นตัวแทนของท่านเข้าไปทำหน้าที่ในคณะกรรมการอัยการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการใช้สิทธิเลือกขอให้เลือกบคคลที่ยึดมั่นในความรัก สามัคคี และเข้าไปทำหน้าที่แทนท่าน ในการพัฒนาองค์กรอัยการ เข้าไปสนับสนุนผู้บริหารในการขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญของท่านอัยการสูงสุดและว่าที่อัยการสูงสุดท่านต่อไปจะต้องไม่ไปสร้างความแตกแยกขึ้นภายในองค์กร หรือชักจูงบุคคลภายนอกเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์และทำร้ายองค์กรอัยการที่เรารัก รวมถึงคนที่เราเลือกจะต้องเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนทุกท่านในที่ประชุม ก.อ.โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบริหารงานบุคคล ดังนั้นวุฒิภาวะและวิสัยทัศน์ของผู้สมัครเลือกตั้ง ก.อ.จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง