MGR Online - "สนธิญา" ยื่นขวาง "ดีเอสไอ" ทบทวนรับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ชี้ กกต. รับเรื่องตรวจสอบไว้แล้ว มองทำงานซ้ำซ้อนกันอาจเกิดความขัดแย้ง
วันนี้ (24 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนการรับคดีการเลือก สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เข้าข่าย "อั้งยี่ ซ่องโจร" เป็นคดีพิเศษ โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ พร้อม นายสมเกียรติ เพชรประดับ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนพิจารณาสำนวนร้องทุกข์ กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายสนธิญา เผยว่า ตนเป็นอดีตผู้สมัคร สว.เขตปทุมวัน กทม. และผ่านเข้าสู่ระดับจังหวัด จึงรู้เห็นระบบกระบวนการในการเลือกตั้งทั้งหมดอย่างละเอียด ซึ่งตนเองก็เคยร้องเรียนหลังพบว่า มีบริษัทไฟฟ้ารายใหญ่แห่งหนึ่ง ส่งบุคลากรสมัครเป็นกลุ่มก้อนเป็นเพื่อช่วยโหวตให้บุคคลหนึ่งลักษณะทุจริต และเรื่องนี้ได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่เรียกร้องให้เปิดคลิปวงจรปิดในวันโหวตเลือก สว. ขอให้เปิดเผยเอกสารการลงคะแนน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าหากจะดูหลักฐานได้ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น
นายสนธิญา เผยอีกว่า การเลือก สว. ประกอบด้วยกฎหมาย 2 ฉบับ คือ กกต. เป็นหน่วยงานตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 และ พรบ. ว่าด้วยการเลือก สว. จึงมีสิทธิในการตรวจสอบ ดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ขณะนี้มีเรื่องเกี่ยวกับ สว. ที่มีการร้องอยู่ใน กกต. จำนวนมากอยู่แล้ว และอยู่ในระหว่างการพิจารณา
นายสนธิญา เผยต่อว่า ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีบุคคลมาร้องเรียนเรื่องฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษนั้นอาจไม่ได้เป็นอดีตผู้สมัคร สว. จึงไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. โดยตัวเองเคยสัมผัสตั้งแต่การเลือกตั้งระดับเขตไปจนถึงจังหวัด ทราบว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้มงวดตามกฎระเบียบเคร่งครัด ทั้งนี้ ตนเองไม่เห็นด้วยที่ ดีเอสไอ รับเป็นคดีพิเศษแม้จะมีหลักฐานต่างๆ เพราะยังมีข้อมูลอีกบางส่วนของ กกต. เช่น ผลโหวต การลงคะแนน ถ้าไม่ให้มาก็นับว่าเสียเปล่า และ กกต. อาจมีความผิดฐาน ละเว้นปฏิบัติหน้าที่
นายสนธิญา มองว่า เป็นการทำงานจะซ้ำซ้อนกันเพราะขณะนี้ กกต. ก็เคยรับเรื่องร้องเรียนการเลือก สว. ไว้แล้วอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ท้ายที่สุดอาจทำให้ 2 องค์กรเกิดความขัดแย้งกันเอง แต่ยอมรับว่า กกต. ล่าช้า เช่นกรณี หมอเกศ แต่ท้ายที่สุดผู้ร้องไม่พอใจผลตรวจสอบ ก็ยังสามารถไปร้องหน่วยงานอื่นเช่น ป.ป.ช.หรือฟ้องตรงต่อศาลได้ อย่างไรก็ตาม หากรับเรื่องนี้มาเป็นพิเศษตัวเองก็ยินดีเข้ามาให้ข้อมูลในฐานะพยานคนที่เห็นเห็นการทุจริตระหว่างการเลือก สว. เขตปทุมวัน
"ผมว่าไม่ใช่เกมการเมืองแต่เป็นเรื่องของผู้ที่เกี่ยวข้องต้องการตรวจสอบให้ชัดเจน และเห็นว่า กกต. ล่าช้าจึงมาร้อง ดีเอสไอ ส่วน กกต. จะให้หลักฐานหรือไม่ต้องรอคำสั่งศาลเท่านั้น และมองว่าการเลือกทุกระดับมีการซื้อเสียงทั้งหมด"