ย้อนไทม์ไลน์คดีวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" ก่อนชี้ชะตา หนักสุด "ไล่ออก-ปลดออก"

ย้อนไทม์ไลน์คดีวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ปมพัวพันเว็บพนัน หลังวานนี้ (20 ก.พ.) ครบกำหนดตามกรอบเวลา 270 วัน คณะกรรมการสอบสวนวินัย มีการสรุปผล ส่งให้กองวินัยตรวจสอบ ก่อนเสนอพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.พิจารณาขั้นสุดท้าย ชี้หากผิดจริงมีโทษ 2 สถาน คือ ไล่ออก หรือ ปลดออก

ทีมข่าวอาชญากรรม สรุปไทม์ไลน์ มัดรวมทุกเหตุการณ์ในคดีที่เกิดขึ้น ดังนี้

25 กันยายน 2566 ตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (PCT5) สนธิกำลังตำรวจคอมมานโด และตำรวจไซเบอร์ นำหมายค้นและหมายจับขอเข้าตรวจค้นบ้านพักของ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์  เพื่อจับกุมนายตำรวจลูกน้องของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จำนวน 8 นาย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน

วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกมาตอบโต้ทันที การค้นบ้านครั้งนี้เป็นขบวนการดิสเครดิต

ว่ากันว่าการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เกิดจากความขัดแย้งระหว่าง "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ก่อนหน้านี้ในการขับเคี่ยวช่วงชิงเก้าอี้ผบ.ตร.คนที่14 ไล่มาตั้งแต่คดี "เป้รักผู้การ” คดียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ “สารวัตรแบงค์” กลางงานเลี้ยงในบ้านกำนันนก จ.นครปฐม เป็นเหตุให้ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. หรือ ผกก.เบิ้ม ลูกน้องคนสนิทพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ทนแรงกดดันไม่ไหวก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิต ตามด้วยคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK MASTER หรือคดีมินนี่ และเครือข่าย 53 คน นำมาสู่การบุกค้นบ้านดังกล่าว


27 กันยายน 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีคำสั่งให้ลูกน้องคนสนิทพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ 8 นาย ประกอบด้วย 1.พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. 2.พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผบก.สส.ภ.4 3.พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.ชลบุรี บก.ตม.3 4.พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.ตม.จว.ฉะเชิงเทรา บก.ตม.3
5.พ.ต.อ.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ จว.สมุทรปราการ 6.พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร สวป.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จว.สมุทรปราการ 7.ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผบ.หมู่(ป.) สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา 8.ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร. ปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผอ.ศปก.ตร. มอบหมาย


4 มีนาคม 2567 ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติรับสำนวนคดีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และพวก รวม 5 คน ถูกกล่าวหาพัวพันเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 149 ซึ่งเป็นสำนวนคดีที่ 2 ที่ บก.ปปป.ส่งมาให้ ป.ป.ช.ดำเนินการ

12 มีนาคม 2567 พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. เดินทางไปศาลอาญา เพื่อขอออกหมายจับกลุ่มนายตำรวจ 4 นาย โดยในกลุ่มนั้นเป็นนายตำรวจระดับสูง 1 และพลเรือนอีก 1 ในความผิดฐานสมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9, 10 จากเว็บพนันเว็บ BNK Master มีชื่อของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ รวมอยู่ด้วย

19 มีนาคม 2567 ทนายความของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กางแผนผังบัญชีม้า แสดงเงินหมุนเวียนในบัญชีของคดีเว็บ BNK Master รวมกว่า 400-600 ล้านบาท มีบัญชีรายชื่อตำรวจรับเงินโอนรวมอยู่ด้วย แต่กลับออกหมายจับเพียงบางคน

มีรายงานว่าช่วงค่ำ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เดินทางไปพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนปิดห้องเคลียร์ใจกัน 2 คน เกือบ 2 ชั่วโมง


20 มีนาคม 2567 ช่วงเช้า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ได้เรียกให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เข้าพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเคลียร์ปัญหาความขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย หลังเปิดศึกน้ำลายตอบโต้กันผ่านสื่อมวลชน

ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พร้อม พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เปิดโต๊ะแถลงเคลียร์ใจอย่างชื่นมื่น โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยืนยันไม่เคยมีความขัดแย้งกับใคร ที่ผ่านมาก็มีการพูดคุยอย่างใกล้ชิดหับพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ก็ระบุว่าจะไม่มีการเอาคืน ทุกคนทำตามหน้าที่ พร้อมเสียสละเรื่องราวในอดีตและเดินหน้าทำงาน จากนั้นมีการไหว้ขอโทษกัน มีการสวมกอด และโอบเอว

แต่วันเดียวกันนั้นเอง นายเศรษฐา ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย รอง ผบ.ตร. (ในขณะนั้น) รักษาการแทน ผบ.ตร.

ขณะเดียวกันนายเศรษฐา ยังได้ลงนามในหนังสือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 109/2567 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฎเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธานกรรมการ นายชาติพงษ์ จีระพันธุ และพล.ต.อ.วินัย ทองสอง เป็นกรรมการ


18 เมษายน 2567 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมลูกน้องอีก 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง อีกทั้งศาลอนุมัติหมายจับคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ โดยให้คำสั่งนั้นมีผลทันที

25 เมษายน 2567 พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ เข้ายื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ชี้ว่าการลงนามของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย


29 เมษายน 2567 พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร เรียกประชุมคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงครั้งแรก มีมติเรียกพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวกรับทราบข้อหาภายในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567

20 มิถุนายน 2567 นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 119/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค.2567 โดยสอบทั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ


21 มิถุนายน 2567 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สวมเครื่องแบบเต็มยศ เดินทางเข้ามาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นครั้งแรกหลังได้คืนตำแหน่ง

26 มิถุนายน 2567 ที่ประชุม ก.ตร.มีมติ 12 ต่อ 0 เห็นว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย


6 สิงหาคม 2567 ที่ประชุม ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัยแล้วว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 ที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กฎหมาย และกฎ ก.ตร. กำหนด และเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จึงใช้สิทธิยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง

วันเดียวกันสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดเงินในบัญชีเงินฝากของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และภรรยา รวม 3 รายการ มูลค่าประมาณ 4.8 แสนบาท เนื่องจากพบเงินเวนคืนกรมธรรม์เป็นทรัพย์จากคดีเว็บพนัน

15 สิงหาคม 2567 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พ้นจากตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567


30 กันยายน 2567 พล.ต.อ.สราวุฒิ เกษียณอายุราชการ โดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยแทน ซึ่งเป็นการทำงานต่อเนื่องจาก

16 ธันวาคม 2567 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ โดยชี้ว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย


20 กุมภาพันธ์ 2568 ครบกำหนดตามกรอบเวลา 270 วันตามกฎหมาย คณะกรรมการสอบสวนวินัยดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้น ส่งสำนวนการสอบสวนให้กองวินัยตรวจสอบ ก่อนเสนอ ผบ.ตร. พิจารณาขั้นสุดท้าย หากสรุปว่ามีความผิดจริง มีโทษ 2 สถาน คือ ปลดออกหรือไล่ออก