MGR Online - “ไทด์ เอกพันธ์” เข้าพบดีเอสไอ ให้ข้อมูลบาดแผลตามร่างกาย "แตงโม" ในฐานะเป็นคนพบศพวันแรก เผยมีจุดสงสัยบาดแผลโคนขาขวาไม่น่าเกิดจากใบพัดเรือ
วันนี้ (13 ก.พ.) เวลา 09.20 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารเอ กรุงเทพฯ นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนเลขที่ 20/2568 คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อให้ข้อมูลตามหนังสือเชิญบุคคลเข้าให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ
นายเอกพันธ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเกี่ยวกับการที่ตนได้เจอร่างน้องแตงโมในวันแรก เพื่อให้ข้อมูลเรื่องสรีระน้องแตงโมว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรตรงไหนหรือไม่ที่มันผิดไปจากอุบัติเหตุ หากตกเรือแล้วเจอใบพัดเรือและเสียชีวิตจะเป็นใบพัดเรือตรงไหน ซึ่งตนได้เปิดดูทุกอย่างในร่างกายของน้องแตงโมก็ได้เจอบาดแผล ซึ่งตนจำได้ว่าร่างน้องแตงโมมีอะไรบ้างที่ติดหรือโดนของแข็ง หรือของมีคม หรือตรงไหนมีรอยขีดข่วน ตนจำได้เพราะตนได้นั่งอยู่กับร่างน้องประมาณ 1 ชั่วโมงจากที่เกิดเหตุไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ
นายเอกพันธ์ เผยว่า การที่ตนจำได้เพราะเป็นคนได้พลิกร่างน้องจากคำสั่งเจ้าหน้าที่ สั่งเปิดผม เปิดหน้า บีบปาก กางแขนและขาเพื่อดูร่องรอยบาดแผล โดยในครั้งแรกที่ตนออกมาให้ข่าวสื่อมวลชน มีจุดที่น่าสงสัยว่าอาจไม่ได้โดนใบพัดเรือ คือ ช่วงโคนขาขวา เพราะมันรอยยาวและลึกมากจนเห็นเนื้อยุ่ย ซึ่งตรงนี้น่าจะทำให้เสียชีวิต เพราะพอตกลงน้ำก็ว่ายน้ำไม่ไหวเพราะบาดแผลนี้ได้ อีกทั้งยังมีเรื่องรอยขีดข่วนลักษณะเป็นรอยก้างปลาที่ก็ไม่ลึกพอ และยังมีจุดข้างน่องขาขวามีเหมือนของแหลมแทงเข้าไป มีไขมันออกมากับเนื้อ จึงเรียกได้ว่ามีจุดพิรุธ 2 จุดนี้ที่ใหญ่สุด คือ โคนขาขวาด้านใน และข้างน่องขาขวา
นายเอกพันธ์ เผยอีกว่า ส่วนเรื่องใบไม้ที่ติดเส้นผม และเรื่องเรือลำแรกที่เจอน้องแตงโม คือ เป็นของใครตนไม่ทราบ แต่ในวันนั้นตนได้ขับเรือวนตรงเวิ้งน้ำนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็ได้ไปที่วัดแดงธรรมชาติ ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี เพราะมีคนบอกว่าให้ไปขอพรที่นั่นเพราะศักดิ์สิทธิ์มาก ก็เลยขับเรือไปจุดธูปขอให้เจอร่างน้องแตงโม พอขอพรเสร็จก็ขับเรือออกมาไม่ถึง 3 นาที ก็เห็นเรือเสี่ยคนหนึ่งมาหยุดตรงกลางแม่น้ำ และมีเรือหลายลำทั้งเรือมูลนิธิและเรืออาสาสมัครมุ่งไปจอดตรงนั้น จนได้ยินเสียงคนโวยวายว่าเจอแล้ว ตนเลยรีบไปยังจุดนั้นและขึ้นเรืออาสาจนไปถึงร่างน้องที่ลอยคว่ำหน้าในน้ำ และมีเพียงผ้าดิบที่อาสาสมัครเตรียมไว้จะผูกร่างน้องแตงโมเพื่อขึ้นฝั่ง แต่ตนมองว่าอาจโป๊ได้เพราะน้องใส่แค่บอดี้สูท จึงขอผ้าดิบ 2 ผืนเพื่อคลุมน้องขึ้นฝั่งแทนจะลากไว้ข้างเรือไม่ได้ เลยเอาขึ้นเบาะและใช้ผ้าดิบคลุมร่างไว้
"ยอมรับว่าเราขับวนหากันหลายวัน มีทั้งเรืออาสาสมัคร เรือมูลนิธิกว่า 50 ลำ ค้นกันนานก็ไม่เจอ แต่เรือลำใหญ่มาไม่นาน วน 2-3 รอบ เขากลับเจอ ซึ่งพอเรือลำใหญ่เจอ เรืออื่นทุกลำก็มุ่งหน้าไปที่ตรงเรือลำใหญ่กันว่าเจอร่างหรืออะไร พอไปถึงจึงเห็นว่าเป็นร่างน้องแตงโม ทั้งนี้ ต่อให้เล่ากี่ครั้งมันก็ยังเหมือนเดิมตามสิ่งที่ได้เห็นได้เจอ นอกจากนี้ ในเรื่องเจ้าหน้าที่ได้รับโทรศัพท์มือถือแตงโมกลับมา มองว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้กระจ่างได้บ้าง หากนำไปเทียบกับคำให้การของคนบนเรือ"
นายเอกพันธ์ ยืนยันว่า ตนเห็นมีฟันซี่บนหักแน่นอน ไม่น่าใช่คราบดินโคลน ส่วนการแต่งกายของร่างน้องตอนเจอคว่ำหน้าในน้ำ เสื้อผ้าชุดคลุมจะถูกนำมาสวมตอนไหนนั้น ตนไม่ทราบ แต่มันมีใบไม้ 2-3 ใบ ติดอยู่บนเส้นผม ซึ่งอาจลอยมาจากน้ำแล้วมาติดที่ผมก็เป็นได้ เพราะเศษต่างๆ มันอาจลอยติดที่เส้นผมแล้วออกยากต้องใช้มือรูด แต่ถ้าติดหลังหรือเสื้อผ้ามันน่าจะโดนน้ำพัดออกไปบ้าง ทั้งนี้ ในอีก 11 วันก็จะครบรอบการเสียชีวิตของน้อง ตนมองว่าคนทั่วประเทศรอลุ้นทุกวันให้มีปาฏิหาริย์จริงๆ ว่าคืนวันที่ 24 ก.พ.65 มันเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรน้อง มั่นใจว่าคนไทยให้กำลังใจคนที่พยายามค้นหาความจริงอยู่ แต่ตนก็ยังไม่มีใครข่มขู่