ศาลอาญาเลื่อนตรวจหลักฐาน “บอสพอล" กับพวกผู้บริหารดิไอคอน ไปวันที่ 24 มี.ค.นี้ เนื่องจากอัยการโจทก์แถลงเอกสาร 900 แฟ้ม และพยานบุคคลมีจำนวนมาก
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (10 ก.พ.) ศาลนัดสอบคำให้การ คดีหมายเลขดำที่ อทย.14/2568 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เป็นโจทก์ ฟ้องบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด โดย วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล กับพวก เป็นจำเลยที่ 1-17
ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรง ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจ โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยช่วงเช้าวันนี้ ศาลมีคำสั่งเบิกตัวให้จำเลยทั้ง 16 คน มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อมาร่วมพิจารณานัดตรวจพยานหลักฐาน โดยมี วิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล และทนายความจำเลยอื่นมาศาลด้วย
นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายดีลเลอร์ซึ่งสนับสนุนกลุ่มผู้บริหารดิไอคอนเดินทางให้กำลังใจแน่นห้องพิจารณา รวมทั้งมีกลุ่มญาติและบุคคลใกล้ชิดของจำเลยเข้ามาโอบกอดให้กำลังใจ อย่างไรก็ตามก่อนการพิจารณาตรวจพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ศาลได้ประกาศข้อกำหนดการปฏิบัติตัวในห้องพิจารณาคดี ห้ามไม่ให้ผู้เข้ามาฟังการพิจารณาคดีเผยแพร่รายละเอียดและข้อเท็จจริงภายในห้องพิจารณาออกไปสู่ภายนอก และห้ามถ่ายภาพหรือรายงานความเคลื่อนไหวภายในห้องพิจารณา อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลและหากตรวจพบว่ามีการเผยแพร่ดังกล่าวออกไปสู่ภายนอก ศาลจะดำเนินคดีฐานละเมิดอำนาจศาลต่อไป
ทั้งนี้พนักงานอัยการคดีพิเศษ แถลงต่อศาลว่า คดีนี้พยานเอกสารมีจำนวน 900 แฟ้ม จำนวนมากและยังอยู่ระหว่างการจัดกลุ่มผู้เสียหายแต่ละประเภท เช่น ที่ซื้อสินค้าแล้วขายไม่ได้ หรือ ซื้อแล้วไม่ได้สินค้า จึงขอเลื่อนนัดออกไปก่อนสัก 1 นัด ด้านนายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความจำเลยที่ 1-2 แถลงต่อศาลว่า เนื่องจากคดีมีเอกสารจำนวนมาก ที่ผานมาการให้จำเลยตรวจสอบเอกสารในเรือนจำไม่สะดวก จึงอยากให้จำเลยได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆในการต่อสู้คดีด้วยตนเอง พร้อมขอให้เบิกตัวจำเลยมาทำการตรวจเอกสารด้วยทุกครั้ง
ต่อมาศาลจึงอ่านกระบวนพิจารณาว่า ฝ่ายโจทก์แถลงว่ามีเอกสารจำนวน 900 แฟ้ม มีพยานบุคคลที่จะเตรียมจะนำสืบ 7,991 ปาก และจะต้องมีการจัดกลุ่มพยานบุคคลเพื่อให้ง่ายต่อการสืบพยาน โดยจะส่งเอกสารมาก่อนวันนัดในวันที่ 10 มี.ค.2568 ขณะที่ทนายความจำเลย 4,7-15,16 ถูกคุมขังมานาน 4 เดือน กระทบสิทธิเสรีภาพและการเลื่อนคดีเป็นความประสงค์ของฝ่ายโจทก์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานเอกสารและพยานบุคคลมีจำนวนมาก แม้ทนายความจำเลยจะคัดค้าน แต่เห็นว่าเป็นการนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานนัดแรก จึงเห็นควรให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานไป วันที่ 24 มี.ค.2568 ส่วนที่ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมขอให้รอพิจารณาในนัดหน้า