รอง ผบช.สตม.เผยกำหนด 3 มาตรการ เข้มงวดสกัดกั้นตามแนวชายแดน ป้องกันคนถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยถึงมาตรการการสกัดกั้นตามแนวชายแดน ว่า ขณะนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้กำหนด 3 มาตรการในการเข้มงวดตรวจสอบบริเวณแนวชายแดน ดังนี้
1.การคัดกรองคนต่างชาติด้วยการบันทึกข้อมูลคนต่างชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยในบัญชีเฝ้าดู หรือ Watch List 9,762 คน และมีการปฏิเสธการเข้ามาในราชอาณาจักรจำนวน 2,339 คน 2.การสกัดกั้น เบื้องต้นได้มีการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังพื้นที่อ.แม่สอด จ.ตาก ว่าเป็นพื้นที่เฝ้าระวังแล้ว จำนวน 1,161 คน และมีผู้เปลี่ยนใจเดินทางกลับ 23 คน และ 3.มาตรการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด โดยมีการตรวจสอบโรงแรมที่พักในพื้นที่เฝ้าระวัง 631 ครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีการประกาศปิดด่านแม่สอดมาตั้งแต่เดือน พ.ค.66
แต่หลังจากพบสถานการณ์ระยะนี้มีข้อบ่งชี้ว่า พบการกระทำความผิดในลักษณะหลอกชาวต่างชาติให้เดินทางข้ามแดนจากไทยไปเมียนมาเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการเน้นย้ำให้เข้มงวดเฝ้าระวังการผ่านเข้าออกของบุคคลสัญชาติที่ 3 เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. 68
พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมากรณีปรากฏข่าวมีกลุ่มชาวต่างชาติข้ามแดนไปยังฐานแสกมเมอร์นั้นเป็นการเข้าออกผ่านช่องทางธรรมชาติ ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ชาวฮ่องกงที่ถูกหลอกไปทำงานลักษณะคล้ายกับกรณีของนายแบบชาวจีน อีก 10 คน ที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่เขตอิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานการทำงานร่วมกันเพื่อให้ความช่วยเหลือควบคู่กับป้องกันไม่ให้มีชาวต่างชาติถูกหลอกไปทำงานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ พล.ต.ต.พันธนะ ยังเปิดเผยถึงกรณีการรับตัวชาวไทย 25 คนที่เดินทางไปทำงาน เป็นคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ว่าหลังจากนี้จะส่งคนไทยทั้ง 5 คน ซึ่งมีหมายจับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีส่วนคนไทยอีก 20 คน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเข้าข่าย หลบหนีเข้าเมืองหรือไม่โดยหากพบว่าผิดกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินคดีเช่นเดียวกัน