ผบช.สอท.แถลงผลการร่วมสอบปากคำแจ้งข้อหาเพิ่มเติม “ดาวกองร้อยปอยเปต” พร้อมขยายผลคดี “ชาล็อต” และผู้เสียหายรายอื่น
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รรท.รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รรท.ผบช. สอท.1 แถลงข่าวการร่วมสอบปากคำดาวกองร้อยปอยเปตขยายผลคดีชาล็อต และผู้เสียหายรายอื่นของตำรวจไซเบอร์
โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา กก.1 บก.ปอท. ได้จับกุมตัว นายธนาวุฒิ อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่แต่งตัวเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจและวิดีโอคอลข่มขู่เหยื่อเพื่อหลอกลวงให้โอนเงินให้แก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีกทั้งยังเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพได้ ที่ จ.153/2568 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น สมคบกันโดยการตกลกกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้ที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สอท.1 ร่วมกับ กก.1 บก.ปอท. และสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าร่วมสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ นายธนาวุฒิ ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากพบข้อมูลว่า นายธนาวุฒิ คือ หนึ่งในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้ร่วมกันหลอกลวง น.ส.ชาล็อต ออสติน นางงามชื่อดัง ที่ตกเป็นเหยื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งมีคดีอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจไซเบอร์ด้วย
จากการสอบถามทราบข้อมูลว่า นายธนาวุฒิ เดิมทำหน้าที่สาย 1 และได้ขยับมาทำหน้าที่สายที่ 2 โดยทำหน้าที่แต่งเครื่องแบบเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ เพื่อสนทนาผ่านวิดีโอคอลกับเหยื่อ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จนกระทั่งเหยื่อหลงเชื่อ ซึ่งตำแหน่งนี้จะได้ค่าตอบแทน 5 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นจะส่งต่อให้ส่วนที่เรียกว่า สาย 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการพูดคุยให้เหยื่อโอนเงินมาให้
สำหรับตัว นายธนาวุฒิ นั้น ได้เริ่มทำงานเมื่อประมาณวันที่ 14 ก.ค. 66 โดยได้รับการชักชวนจากเพื่อนที่ไม่เคยพบตัวจริงกันมาก่อนทางสื่อสังคมออนไลน์ กระทั่งเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา นายธนาวุฒิ มีอาการป่วยเป็นโรคหัวใจ มีอาการหมดสติ จึงต้องร้องขอทางผู้คุมตัวที่ฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนยอมปล่อยให้กลับไปพักรักษาตัวที่ประเทศไทย
จากนั้น นายธนาวุฒิ จึงเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติกลับมายังประเทศไทย กระทั่งถูกจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างนำข้อมูลที่ได้ไปสืบสวนขยายผลในคดีต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจไซเบอร์ รวมทั้งคดีของ น.ส.ชาล็อต ออสติน เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายเพิ่มเติม
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนคดีของนางงามชาล็อตนั้น ก่อนหน้านี้ ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นบัญชีม้า 1 ราย และเป็นผู้นำพาไปเปิดบัญชีมาอีก 2 ราย ซึ่งขณะนี้สามารถขยายผลออกหมายจับผู้ที่เป็นกระเป๋าชาวกัมพูชาได้อีก 1 ราย และผู้ต้องหากลุ่มนี้ยังมีความเชื่อมโยงด้านเส้นทางการเงินกับคดีที่น้องอายุ 17 ปีตกเป็นเหยื่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้จับกุมบัญชีม้าในคดีเด็กอายุ 17 ปี 3 ราย และออกหมายจับผู้ถือกระเป๋าชาวไทย 1 ราย
โดย นายธนาวุฒิ นั้น พบว่า เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์สายที่ 2 ที่หลอกลวงนางงามชาล็อตและยังพบความเชื่อมโยงกับผู้เสียหายอีก 2 ราย รวมมูลค่าความเสียหายจำนวนทั้งสิ้นกว่า 9 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะสืบสวนสอบสวนต่อไปว่า ในคดีอื่นที่เกี่ยวข้องกับนางงามชาล็อต คดีหลอกเด็กอายุ 17 ปี และอีก 75 เคสไอดี ว่านายธนาวุฒิมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
สำหรับข้อหาที่ทางตำรวจไซเบอร์แจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมกับ นายธนาวุฒิ ในส่วนคดีนางงามชาล็อตที่ตำรวจไซเบอร์รับผิดชอบนั้น ประกอบไปด้วย ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจด้วยการขู่เข็ญ, นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นอั่งยี่ซ่องโจร เป็นธุระจัดหาบัญชีม้าเพื่อใช้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่ง นายธนาวุฒิ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตาม ในการจับกุม นายธนาวุฒิ ครั้งนี้นั้น เป็นการจับกุมตามหมายจับของพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ที่มีผู้เสียหายหลายรายแจ้งความกับ บก.ปอท. ก่อนหน้านี้ และทางตำรวจไซเบอร์ก็ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนในลักษณะของการทำงานร่วมกัน ซึ่งทางตำรวจ บก.ปอท. สามารถพิสูจน์ทราบและจับกุม นายธนาวุฒิ ได้ตามหมายจับ ทางตำรวจไซเบอร์จึงได้เข้าไปประสานเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป