ตำรวจ ปคม. รวบสาวแสบโพสต์ TikTok ชักชวนสาวไทยทำงาน PR ผับย่างกุ้ง อ้างรายได้ดี ก่อนพาไปบังคับขายตัวเมืองเล้าก์ก่าย หากเหยื่อรายใดขัดขืนจะถูกจับขังเดี่ยวให้อดอาหาร
วันนี้ ( 31 ม.ค. ) พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รรท.ผบก.ปคม. สั่งการ พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พ.ต.ท.วรพล เลิศวิริยะพงศ์ สว.กก.2 บก.ปคม. จับกุม น.ส.พิมพ์พิไล อายุ 24 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 573/2568 ลงวันที่ 28 ม.ค. 68 ข้อหา “ร่วมกันค้ามนุษย์จากการบังคับค้าประเวณี” ได้ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งย่านห้าแยกลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
ทั้งนี้เมื่อปลายปี 66 ทางการไทยได้รับรายงานจากสถานเอกอัศรราชทูต กรุงย่างกุ้ง ว่าได้ให้ความช่วยเหลือคนไทย จำนวน 340 คน ออกจากพื้นที่การสู้รบในเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา เดินทางกลับประเทศไทย แต่เมื่อนำตัวทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการบุคคลที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ ก็พบว่า ในจำนวนนี้มีหญิงไทยจำนวนหนึ่ง ถูกหลอกไปทำงานแล้วบังคับให้ค้าประเวณี จึงประสานตำรวจ บก.ปคม. สืบสวนขยายผลตรวจสอบข้อเท็จจริง
ต่อมาพบว่า หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านี้ ส่วนใหญ่ถูกหลอกจากการเข้าไปสมัครงานผ่านบัญชีแอปพลิเคชัน TikTok ของ น.ส.พิมพ์พิไล ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งมีการโพสต์ข้อความอ้างว่า รับสมัครสาวสวยไปทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในสถานบันเทิงที่กรุงย่างกุ้ง อ้างรายได้ดี
เมื่อมีผู้หลงเชื่อ น.ส.พิมพ์พิไล ก็จะพาเหยื่อเดินทางไปที่กรุงย่างกุ้ง แล้วพาไปพบกับชายชาวจีนที่อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่ง จากนั้นก็จะพาไปที่ตึกร้างนอกเมือง ซึ่งมีทหารคอยควบคุม แล้วบังคับให้ขายบริการทางเพศ หากใครไม่ยอมทำตามก็จะถูกแยกขังเดี่ยว และให้อดอาหาร หรือหากต้องการจะเป็นอิสระ ก็จะต้องนำเงินมาไถ่ตัวจำนวน 8 หมื่นหยวน หรือประมาณ 4 แสนบาท แต่หากผู้เสียหายไม่มีเงินจึงถูกนำไปขายต่อให้กับร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในเมืองเล้าก์ก่าย ก่อนจะมาได้รับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลไทยพากลับประเทศได้ดังกล่าว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 4 ราย ซึ่งมีทั้งคนไทยและนายทุนชาวจีน กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่า น.ส.พิมพ์พิไล ตัวการสำคัญที่ทำหน้าที่หลอกลวงหรือคอยจัดหาเหยื่อหญิงสาวไปค้าประเวณี ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ กทม. จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน น.ส.พิมพ์พิไล ให้การปฏิเสธ จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป