ศาลฎีกานักการเมืองยังไม่นัดฟังคำสั่ง “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” ยื่นขอให้บังคับโทษจำคุก “ทักษิณ” ให้ครบ ปมถูกส่งตัวไป รพ.ตำรวจ
วันนี้ (27 ม.ค.) ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานอนุกรรมาธิการด้านกลไกการปราบปรามการทุจริต คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2568
โดยเป็นการยื่นคำร้องในคดีหมายเลขดำที่ อม.3/2551หมายเลขแดงที่ อม.4/ 2551 ว่า
ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรรมญูและข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงดำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2563 ข้อ 62 ขอให้ศาลได้สวนกรณี กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ไม่จัดการให้เป็นไปตามหมายจำคุกคดีถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณี นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีนี้ ซึ่งศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2561 หมายเลขแดงที่ อม.1/2552 ซึ่งศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี และคดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 หมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ซึ่งศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี โดยนับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษจำคุกของจำเลยคดีนี้ และคดีหมายเลขแดง อม.10/2552 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร รับตัวจำเลยแล้วส่งตัวจำเลยไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมิใช่เรือนจำหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ในหมายจำคุกโดยไม่
ปรากฏว่า จำเลยต้องรักษาโรคใด และขณะที่ส่งตัวจำเลยไปยังโรงพยาบาลตำรวจจำเลยยังไม่ได้รับโทษจำคุก ทั้งไม่ได้รับอนุญาตจากศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89, 89/2(1) (2) และมาตรา 246 จึงไม่ชอบ และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่อง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 25 ก.ย. 2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ซึ่งผู้ร้องเคยยื่นคำร้องต่อศาลนี้ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566 และเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2567 ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องจึงขอให้เพิกถอนคำสั่งเดิม และขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด
วันนี้ ผู้ร้องเดินทางมาศาล โดยศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งท่งการเมืองมีคำสั่งแจ้งคู่ความ คำร้องที่ยื่นต่อศาลอยู่ระหว่างการพิจารณา หากทำคำสั่งแล้วเสร็จ จะแจ้งคู่ความให้มารับทราบคำสั่งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ได้ลี้ภัยไปเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศส


