มสธ.ร่อนหนังสือแจ้งรมว.กระทรวงการอุดมศึกษา เหตุปัญหาเเต่งตั้งอธิการบดีที่ผ่านมา ยันเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ มีธรรมภิบาลแน่นอน
วันนี้ (27 ม.ค.2568 ) ดร. นิรันดร์ จงวุฒิเวศย์) อุปนายกสภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ทำหน้าที่แทนนายกสภาได้มีหนังสือด่วนที่สุด ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เรื่อง การเริ่มกระบวนการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชรายใหม่ว่า ตามหนังสือที่อ้างถึงสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แจ้งว่าคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้พิจารณาในเรื่องการดำเนินการเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชรายใหม่ และการถอดถอนอธิการบดีรายเดิม โดยมีมติให้สภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชรอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีการถอดถอน นายชัยเลิศ พิชิตพรชัย
ก่อนที่จะดำเนินการเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี เนื่องจากในขณะนั้นการถอดถอน นายชัยเลิศ พิชิตพรชัย ออกจากตำแหน่งอธิการบดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้มีคำพิพากษา จึงเป็นกรณีมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการถอดถอนอธิการบดีรายเดิมยังไม่เป็นที่ยุติ การเสนอเรื่องโปรดเกล้าฯ ถอดถอน นายชัยเลิศ พิชิตพรชัย จึงสมควรรอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาก่อนว่าการถอดถอนนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ส่วนในเรื่องการดำเนินการเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ให้มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเสนอมาตามลำดับขั้นตอน ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
สภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชได้พิจารณาดำเนินการตามมติคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายตามแนวทางปฏิบัติตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวปฏิบัติในการเสนอเรื่อง ที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณา ซึ่งกำหนดว่า การเสนอเรื่องเกี่ยวกับการขอพระราชทานพระมหากรุณาในเรื่องต่างๆส่วนราชการต้องพึงระมัดระวังตรวจสอบกลั่นกรองว่า ได้ดำเนินการในเรื่องนั้นๆ ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องแล้ว รวมทั้ง หากเป็นเรื่องที่มีข้อร้องเรียนว่า มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือแนวทางปฏิบัติได้กำหนดไว้ ก็สมควรได้ตรวจสอบหรือดำเนินการแก้ไขให้เป็นที่ยุติเสียก่อน รวมทั้งเรื่องที่เสนอต้องไม่เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องต่อศาล อันเป็นเหตุให้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ นอกจากนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยังได้มีหนังสือ เวียนแจ้งกระทรวง กรม หน่วยงานอิสระ เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณา โดยสรุปว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมายังมีส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เสนอเรื่องที่มีประเด็นปัญหากรณีที่มีข้อร้องเรียนที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้องต่อศาลว่า มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือแนวทางปฏิบัติที่ได้กำหนดไว้ อันเป็นเหตุให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไม่สามารถดำเนินการนำความกราบบังคมทูลพระมหากรุณาต่อไปได้
ดังนั้น เพื่อให้การขอพระราชทานพระมหากรุณาในเรื่องต่างๆสามารถดำเนินการนำความกราบบังคมทูลได้อย่างถูกต้อง เรียบร้อย ไม่เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จึงให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติของหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อย่างเคร่งครัดต่อไป
อีกทั้งยังสอดคล้องกับข้อสั่งการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ กรณีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก โดยสรุปว่า การเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีรายใหม่ แทนอธิการบดีรายเดิมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่ง เห็นควรที่จะดำเนินการในเรื่องถอดถอนให้พ้นจากตำแหน่งอธิการบดีให้แล้วเสร็จเสียก่อนที่จะดำเนินการเสนอเรื่องเพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดีรายใหม่ให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอน
มหาวิทยาลัยขอเรียนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมิได้เพิกเฉยกับการดำเนินการ ถอดถอนอธิการบดีและการสรรหาอธิการบดี แต่เนื่องจากมหาวิทยาลัยได้ประสบปัญหาอุปสรรคหลายประการในเรื่องการฟ้องคดีต่อศาลปกครองในคดีการถอดถอนอธิการบดีและคดีการสรรหาอธิการบดี จึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินการตามกฎหมาย และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการให้ได้มาซึ่งอธิการบดีรายใหม่ โดยได้รายงานปัญหาอุปสรรคและความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวต่อกระทรวงการอุดมศึกษาฯ มาโดยตลอด
ในช่วงเวลาที่สภามหาวิทยาลัยได้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีเพื่อเตรียมการเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและแนวปฏิบัติในการเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีรายใหม่ตามที่รัฐมนตรีให้ข้อเสนอแนะนั้น
สภามหาวิทยาลัยได้พบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์การกระทำเกี่ยวกับคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดีที่ประจักษ์ชัดเจนเปลี่ยนแปลงไปโดยมีพยานหลักฐานสนับสนุนว่า รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ ขาดคุณสมบัติและไม่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดี ในเรื่องไม่มีคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และมีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ก่อนที่จะเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี และไม่สามารถเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีต่อไปได้
สภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 2/2567 (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2567 จึงได้มีมติเพิกถอนมติสภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 5/2560 ที่เลือก รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ เป็นผู้ได้รับการเสนอแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี และยกเลิกประกาศสภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เรื่อง รายชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2567
มีผลให้รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ กลายเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการเสนอแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี สภามหาวิทยาลัยจึงไม่มีหน้าที่จำต้องเสนอชื่อ รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ เพื่อเสนอขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอธิการบดีต่อสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ อีกต่อไป
หลังจากนั้น รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ บ. 128/2567ที่รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ ยื่นฟ้อง สภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ,นายกสภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผู้ถูกฟ้องคดี 1-2 ฟ้องขอให้ศาลปกครองเพิกถอนมติสภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 2/2567(นัดพิเศษ) พร้อมทั้งขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของสภามหาวิทยาลัยดังกล่าว
ศาลปกครองกลางได้พิจารณาคำขอทุเลาการบังคับตามมติสภามหาวิทยาลัยแล้ว วินิจฉัยโดยสรุปว่า การที่ สภามหาวิทยาลัยในการประชุมดังกล่าว (กรรมการเสียงข้างมาก 8 เสียง) มีมติทบทวนมติสภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 5/2560 ที่เลือก รองศาสตราจารย์ ดร.วรรณธรรม กาญจนสุวรรณ ผู้ฟ้องคดี เป็นผู้ได้รับการเสนอแต่งตั้งให้เป็นอธิการบดี และมีมติให้เพิกถอนมติสภามหาวิทยาลัยเดิมดังกล่าว และมีมติให้ยกเลิกประกาศสภามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เรื่อง รายชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอธิการบดี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ.2567 ที่มีมติเพิกถอน จึงไม่น่าจะปรากฏเหตุว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ศาลจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามมติสภามหาวิทยาลัยดังกล่าว ส่วนในคดีการถอดถอนอธิการบดีรายเดิมนั้น ศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2567 โดยสรุปว่า การที่สภามหาวิทยาลัยมีมติให้ถอดถอน นายชัยเลิศ พิชิตพรชัย ออกจากตำแหน่งอธิการบดีเป็นการใช้ดุลพินิจที่มีข้อเท็จจริงและเหตุผลรองรับอย่างเพียงพอ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้ยกฟ้อง
จากนั้น สภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 5/2567 (นัดพิเศษ) ได้มีมติเห็นชอบให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถอดถอน นายชัยเลิศ พิชิตพรชัย ให้พ้นจากตำแหน่งอธิการบดี และมหาวิทยาลัยได้มีหนังสือตามที่อ้างถึงเสนอขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ถอดถอนอธิการบดีไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ต่อมา สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชว่าได้มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมถอดถอน นายชัยเลิศ พ้นจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ย.2559 จึงทำให้ตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยว่างลงโดยสมบูรณ์
สภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 1/2568 (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2568 จึงมีมติเห็นชอบให้เริ่มกระบวนการสรรหาอธิการบดีรายใหม่ ทั้งนี้ หากการดำเนินการสรรหาอธิการบดีเป็นประการใดจะรายงานความคืบหน้าและผลการสรรหาอธิการบดีให้กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ทราบเป็นระยะต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย