xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ย้อนรอยแค้น 'ทักษิณ' 'คตส.' คนเฮงซวย? ทำให้หนี 17 ปีโดนยึดทรัพย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพุธที่ 22 มกราคม 2568 ตอน ย้อนรอยแค้น 'ทักษิณ' 'คตส.' คนเฮงซวย? ทำให้หนี 17 ปีโดนยึดทรัพย์



การหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการเปลือยตัวตนของ 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างหมดเปลือก จากเดิมที่เคยบอกว่าจะขอมาทำงานเพื่อบ้านเมืองและเลี้ยงหลาน กลับกลายเป็นว่าปากที่บอกว่ามาทำงานเพื่อบ้านเมืองนั้นไม่ต่างอะไรกับการครอบงำรัฐบาลที่มีบุตรสาวตัวองเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เพียงเท่านี้ ยังเวทีกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยหลายวาระในการระบายอารมณ์ออกมาด้วย

อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นประเด็นเดือดในเวลานี้ คือ การขึ้นเวทีหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นจังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 20 มกราคม ซึ่งมีเนื้อหาเป็นการแสดงความไม่พอใจกับการถูกตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่น ถึงขนาดมีการใช้คำพูดว่า "พ่อมึง" และ "เฮงซวย" เพื่อแสดงออกถึงความสะใจ

"มีคนบอกว่าผมโกง โกงพ่อมึงสิ ผมเข้ามาการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศทรัพย์สินทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่บังคับ ผมประกาศมีทรัพย์สินกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะทำธุรกิจมา สร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเงินที่ทำมาหากินมาแท้ๆ คำก็โกง สองคำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู ตอนที่กูรวย มึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย" คำปราศรัยส่วนหนึ่งจากอดีตนายกฯทักษิณ

คนเฮงซวยที่ทักษิณอ้างถึงนั้นคงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากคณะบุคคลที่มีชื่อเรียกว่า 'คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ' หรือ คตส. ซึ่งก่อตั้งขึ้นตาม ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549 เพื่อเข้ามาตรวจสอบการทุจริตในรัฐบาลของทักษิณโดยเฉพาะ

เป็นแค้นฝังใจของทักษิณเพราะหลายคดีที่คตส.เข้ามาตรวจสอบนั้นทำให้ตัวเองต้องหนีออกนอกประเทศและถูกทรัพย์มากกว่า 4 .3 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ตามข้อเท็จจริงแม้คตส.จะมีอำนาจในการตรวจสอบตามกฎหมายหลายฉบับ แต่ก็ไม่มีอำนาจในทางตุลาการ เพราะการฟ้องและการชี้ขาดแต่ละคดียังคงเป็นไปหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดและศาลยุติธรรมภายใต้กระบวนการยุติธรรมตามปกติที่วิญญูชนทั่วไปต่างทราบกันดี

กลับมาที่การพิจารณาคดีของคตส.นั้นถือว่าก็ให้สิทธิทักษิณที่อยู่ต่างประเทศในการต่อสู้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ อธิบายแบบนี้หลายคนอาจจะไม่เชื่อ แต่ในคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม. 14/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 1/2553 หน้าที่ 51-53 มีการบันทึกถึงการใช้สิทธิต่อสู้คดีของทักษิณตอนหนึ่ง ดังนี้

"ในส่วนการขอพิสูจน์ทรัพย์สินนั้น คณะอนุกรรมการพิจารณาคำร้องพิสูจน์ทรัพย์สินได้ให้โอกาสนำพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหา (ทักษิณ ชินวัตร) เข้านำสืบพอสมควรแล้ว โดยได้เรียกพยานและอนุญาตให้เลื่อนนัดไปหลายครั้งตามที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอ หรืออนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหานำคำให้การพยานบางปากที่เคยให้การให้อีกสำนวนหนึ่งมาเป็นพยานในสำนวนของผู้ถูกกล่าวหาตามที่ร้องขอ ตลอดจนส่งพยานเอกสารเพิ่มเติมเป็นระยะตลอดการพิจารณาของผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งก็ได้รับอนุญาตตลอดมา ถือได้ว่าคณะอนุกรรมการไต่สวนและคณะอนุกรรมการพิจารณาคำร้องพิสูจน์ทรัพย์สินได้ให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าวนี้ โดยได้ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการตรวจสอบว่าด้วยการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ พ.ศ. 2549 ประกอบระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวน พ.ศ. 2547 ข้อ 15 และ 16 โดยชอบแล้ว"

ขณะเดียวกัน เวลานั้น 'ทักษิณ' ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาก็มีการเสนอข้อคัดค้านเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายกล้านรงค์ จันทิก นายบรรเจิด สิงคะเนติ และ นายแก้วสรร อติโพธิ ที่เป็นปรปักษ์ต่อทักษิณเป็นประธานและอนุกรรมการไต่สวนเป็นการไม่ชอบ ซึ่งในประเด็นนี้ศาลฎีกาฯได้วินิจฉัยไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในคำพิพากษาข้างต้นเช่นกัน

โดยระบุว่า "กรณีที่นายกล้านรง จันทิก ไปร่วมรับฟังการปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็เป็นการเข้าร่วมในฐานะผู้รับฟัง ซึ่งเป็นการแสดงออกโดยใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไป ส่วนการกระทำของนายบรรเจิด สิงคะเนติ ตามข้อคัดค้านเป็นการแสดงออกในฐานะนักวิชาการและประชาชนคนหนึ่ง มิได้โกรธเคืองเป็นการส่วนตัวต่อผู้ถูกกล่าวหา สำหรับการกระทำของนายแก้วสรร อติโพธิ เป็นการแสดงออกในฐานะสมาชิกวุฒิสภาที่เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญรับรอง...ในระหว่างที่มีการคัดค้าน จนกระทั่งคตส.มีมติยกคำคัดค้านก็ไม่ปรากฏว่าอนุกรรมการทั้งสามได้มีการดำเนินการใดเกี่ยวกับการไต่สวนเรื่องนี้ ดังนั้น การแต่งตั้งนายกล้านรง นายบรรเจิด และนายแก้วสรร เป็นประธานและอนุกรรมการไต่สวนจึงชอบแล้ว"

จริงๆเรื่องนี้ก็ผ่านมาจะเกือบ 20 ปี คดีความทั้งหลายก็เป็นที่สุด โทษจำคุกที่ทักษิณเคยต้องรับก็ปลดเปลื้องไปหมดแล้ว ถ้าพูดกันตามความจริงทุกฝ่ายไม่เว้นแต่ทักษิณก็ควรก้าวข้ามเพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ดี แต่เมื่อทักษิณขุดอดีตฟื้นฝอยขึ้นมาบางส่วนเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ จึงสมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการนำเสนอข้อมูลอีกด้าน ทบทวนความทรงจำของนายใหญ่ในวัย 75 ปี

------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

**ขอแนะนำ ThaiTimes โซเชียลมีเดียของคนไทย
ไม่ปิดกั้นเนื้อหา - แชร์รูปภาพและวิดีโอ - ติดตามข่าวสารล่าสุด ได้อย่างอิสระ
มีให้ Download ได้แล้วทั้งในระบบ iOS และใน Android
iOS :https://apps.apple.com/th/app/thaitimes-social/id6502225132
Android :https://play.google.com/store/apps/details...
และhttps://thaitimes.co


กำลังโหลดความคิดเห็น