xs
xsm
sm
md
lg

สภาผู้บริโภคพาเหยื่อแจ้งจับ “OPPO-realme” ปล่อยแอปเงินกู้ผิด กม.ใช้บัญชีม้ารับโอนเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



สภาผู้บริโภค พาผู้เสียหายร้อง ปคบ. เอาผิด OPPO-realme” ปล่อยแอปเงินกู้ผิดกฎหมาย ใช้บัญชีม้ารับโอนเงิน จี้บริษัทเร่งเปิดเผยใครเป็นเจ้าของแอป เผย พบอีกหลายแอปคล้ายพนันออนไลน์ ล่าสุด มีผู้ร้องเรียนแล้ว 192 ราย เสียหาย 15 ล้านบาท

วันนี้ (21 ม.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค, นายพรวุฒิ พิพัฒนเดชศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาผู้บริโภค และ นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความ พร้อมผู้เสียหายหลายราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ 2 ค่ายมือถือดัง OPPO และ realme กรณีพบแอปพลิชันกู้เงินเถื่อนฝังในโทรศัพท์

นายภัทรกร กล่าวว่า วันนี้นำผู้เสียหายจากกรณีค่ายมือถือ OPPO และ realme ติดตั้งแอปสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต มาแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งตอนนี้มีผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนสภาผู้บริโภคแล้วประมาณ 192 ราย แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ความผิดต่อข้อมูลส่วนบุคคล และเรื่องของการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมายที่มีการกู้ยืมเงิน โดยมีผู้เสียหายที่ทำการกู้ยืมเงินไปแล้วเกิดเป็นความเสียหายรวมประมาณ 15 ล้านบาท โดยผู้เสียหายกู้ยืมเงินไปแล้ว มีการเปิดเผยว่า มีการชำระเงินผ่านบัญชีม้า และมีบัญชีม้าที่เป็นลักษณะนิติบุคคล และบริษัททวงถามหนี้ที่เป็นลักษณะนิติบุคคลไทย โดยมีเครือข่ายเชื่อมโยงไปต่างประเทศ ซึ่งเราได้ข้อเท็จจริงว่าชื่อบริษัทที่รับชำระหนี้ให้เงินกู้ต่างๆ นั้น ชื่อบริษัท แสนเปย์ เป็นของคนไทย

นายจิณณะ กล่าวว่า ในส่วนของการที่มาแจ้งความนั้น ต้องการให้ดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางแพ่ง ซึ่งสภาผู้บริโภคมีเจตนาที่จะคุ้มครองสิทธิ และหาทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายรายบุคคล โดยทางเราวางแผนที่จะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งตอนนี้อาจจะยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ แต่มีปรากฏในสื่อบ้างแล้วว่ามีใครบ้าง และหากไปดูจริงๆ เจ้าของเครื่องหมายการค้าของแอป จะทราบว่าเป็นบุคคลที่อยู่ต่างประเทศ แต่ก็มีการใช้ตัวแทนที่เป็นคนไทยในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า รวมถึงจดทะเบียนเป็นเจ้าของแอป ซึ่งบุคคลดังกล่าวก็ต้องฟ้องดำเนินการด้วยเช่นกัน เนื่องจากแอปนี้มาจากการดำเนินการที่ทางค่ายมือถือกล่าวอ้างว่าติดตั้งมาจากโรงงาน แต่อีกนัยยะหนึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเมื่อมีการอัปเดทซอฟต์แวร์ ก็จะมีการเด้งแอปที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ขึ้นมาด้วย

นายจิณณะ กล่าวต่อว่า เราจำเป็นต้องดำเนินคดีทางแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายให้กับทุกคน โดยจะมีการดำเนินคดีแบบกลุ่มเพื่อที่จะดำเนินคดีครั้งเดียว ซึ่งสิ่งที่ค่ายมือถือแถลงมายังไม่เห็นภาพชัดเจนว่าจะเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร และไม่แน่ใจว่าข้อมูลต่างๆ นั้นหลุดไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วหรือยัง และสิ่งที่เราต้องการอีกอย่างหนึ่ง คือ อยากให้ OPPO ออกมาเปิดเผยว่าใครคือเจ้าของแอปเงินกู้ตัวจริง การที่ OPPO ช่วยเหลือในการปิดบังหรือไม่ให้ข้อมูลใดๆ เลยเกี่ยวกับเจ้าของแอปเงินกู้ จะเข้าข่ายตัวการร่วมหรือเป็นผู้สนับสนุน

“เชื่อว่า การที่แอปเงินกู้ หรือแอปที่ผิดกฎหมายเข้ามาอยู่ใน FinEasy จะต้องมีการตอบแทนกันแน่นอน เพราะคงไม่มีใครให้มาลงแอปฟรีๆ การได้ค่าตอบแทนเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมมือให้แอปนี้แสวงหารายได้โดยมิชอบ OPPO ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าใครคือเจ้าของแอป ดังนั้น จึงต้องให้ข้อมูลนี้ ถ้าไม่ให้ สันนิษฐานไว้ก่อนว่าคือตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนในการทำความผิด” นายจิณณะ กล่าว


ด้าน นายพรวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนนโยบาย มองว่า ปัญหาเงินกู้ค่อนข้างที่จะเป็นปลายเหตุแล้ว เพราะมีการติดตั้งแอปเงินกู้ และมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งต้นเหตุคือแพลตฟอร์มที่ติดตั้งแอป อาทิ แอปสโตร์ และเพลย์สโตร์ โดยมีการติดตั้งแอปมาก่อนหน้านี้ ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลในเครื่อง นอกจากนี้ การติดตั้งแอปพลิเคชันมาตั้งแต่ที่โรงงาน ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภคอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการหักพื้นที่ความจุที่ติดตั้งแอปที่ไม่สามารถถอนการติดตั้งได้ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ปัญหาเหล่านี้อาจจะได้รับการแก้ไขโดยที่สภาผู้บริโภคหรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ จะต้องทำงานร่วมกัน

นายพรวุฒิ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนมองว่า บริษัท OPPO เป็นบริษัทขนาดใหญ่ เวลาต้องการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ในแอปพลิเคชันที่ประกอบธุรกิจใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ในการส่งชุดคำสั่งอัพเดทแอปพลิเคชันเข้าไปในมือของผู้ใช้งาน แต่สวนทางกันเมื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคหรือเยียวยาความเสียหายในการลบแอปพลิเคชันที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ออกไป OPPO กลับใช้เวลาหลายวัน ตามคำสัญญาที่มีการหารือไว้กับหน่วยงานรัฐ ว่าจะแก้ไขปัญหาไม่เกินวันที่ 27 ม.ค. ซึ่งตนมองว่า OPPO มีทรัพยากรจำนวนมาก แต่กลับใช้เวลานานมากเกินไป

ขณะที่ นายปฏิพล พุทธชูชาติ อายุ 31 ปี เจ้าของธุรกิจส่วนตัว หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนได้ซื้อโทรศัพท์ OPPO Reno 11F ตั้งแต่ได้เครื่องมา เมื่อเปิดเครื่องพบว่ามีแอป FinEasy และยืมอย่างมีความสุข และเมื่ออัปเดทซอฟต์แวร์ กลับพบว่ามีแอปอื่นๆ กว่า 10 แอป ที่เป็นเกมเหมือนลักษณะของการพนันออนไลน์ติดมากับตัวเครื่องด้วย ซึ่งมองว่าไม่สมควร เพราะเป็นสิทธิของผู้บริโภคที่จะต้องติดตั้งแอปเอง ทั้งนี้ แอปอื่นๆ ที่เป็นเกมต่างๆ สามารถถอนการติดตั้งได้ แต่มองว่าก็ไม่สมควรติดตั้งมาตั้งแต่แรก











กำลังโหลดความคิดเห็น