ทบ.โดยขกท. ประสานร่วมมือหน่วยงานปราบยาเสพติด ภาคีภายในประเทศ และหน่วยงานระหว่างประเทศ เร่งจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ยาเสพติดต้องเป็นศูนย์
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.68 หน่วยข่าวกรองทางทหารกองทัพบก ขานรับนโยบายรัฐบาลและกองทัพบกในการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุกที่เข้ามาในประเทศ จากการสั่งการของพล.อ.พนาแคล้ว ปลอดทุกข์ ผบัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบนโยบายเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ให้หน่วยทหารทุกหน่วยเป็นส่วนหนึ่งในดำเนินการต่อปัญหายาเสพติดที่แพร่กระจายในสังคมไทยทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อให้กองทัพและสังคมมีความปลอดภัยจากภัยยาเสพติด
หน่วยข่าวกรองทางทหารกองทัพบกนำโดยพล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ผบ.ขกท.) ได้ใช้ขีดความสามารถด้านการข่าวอย่างเต็มที่ในการขานรับนโยบายทำให้ในห้วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมาหน่วยข่าวกรองทางทหารร่วมกับหน่วยภาคีเครือข่ายด้านยาเสพติดดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ จำนวน 3 คดี ซึ่งทางผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร ได้ไปร่วมแถลงข่าวที่สำนักงาน ป้องกันความเร็วเสพติด (ปปส.) ดินแดง
โดยคดีแรกเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ม.ค. หน่วยข่าวกรองทางทหารกองทัพบก ร่วมกับทางปปส.พร้อมหน่วยงานภาคีเครือข่ายด้านยาเสพติดร่วมขยายผลจับกุม นายพงศ์ศักดิ์ รื่นเพชร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาซึ่งมีพฤติการณ์ที่กำลังจะหลบหนีออกนอกประเทศ ได้ที่บริเวณใกล้สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 อ.เชียงของ จ.เชียงราย หลังจากการจับกุมได้ขยายผลเพื่อทำดารยึดทรัพย์ได้ทรัพย์สินรวมประมาณ 20 ล้านบาทประกอบด้วยเงินสดทองคำรถยนต์และทรัพยสินอื่นๆอีกหลายรายการ.ซึ่งผู้ต้องหาคนนี้เป็นถือเป็นผู้ค้ารายใหญ่ระดับผู้สั่งการ
ส่วนคดีที่ 2 ในวันที่ 17.ม.ค. หน่วยข่าวกรองทางทหารกองทัพบก ร่วมกับ ทางปปส. ,กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) และกรมศุลกากร จับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมไอซ์น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1,650 กิโลกรัม อยู่ในม้วนฝ้าย 33 ม้วน ได้ที่โกดัง ย่านบางประกอก
เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร
โดยเครือข่ายผู้ค้าได้นำเข้ายาเสพติดมาจากประเทศอินเดียผ่านบริษัทนำเข้าส่งออกเพื่อส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งไอซ์ที่จับได้จะมีลักษณะเป็นเกล็ดปะปนอยู่ในเนื้อผ้าฝ้ายดังกล่าวเคสนี้มีการเฝ้าติดตามและขยายผลมานานกว่า 1 เดือน
และคดีที่สาม ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร ได้มอบหมายให้ พ.อ.สุพจน์ สวาคฆพรรณ จับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ประมาณ 478,000 เม็ด,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 30 ก้อน น้ำหนักประมาณ 30 กก. ,และรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่งจำนวน 3 คัน โดยทางหน่วยข่าวกรองทางทหารศูนย์ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้ทำการติดตามเป้าหมาย จากภาคกลางลงไปถึงภาคใต้ จนกระทั้งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ดังกล่าว
พล.ต.ธีรนันท์ กล่าวว่า ทางกองทัพบกโดยขกท. จะใช้ขีดความสามารถ ด้านการข่าวในทุกๆทาง การบูรณาการทางการข่าว ระหว่างหน่วยงานภายในประเทศ และ หน่วยงานระหว่างประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากในปัจจุบัน ทางขกท. ได้รับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวเกี่ยวกับเครือข่ายการค้ายาเสพติด ร่วมกับ หน่วยงานภาคีภายในประเทศ และหน่วยงานระหว่างประเทศ จนนำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์ในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม และดำเนินการขยายผลและจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ให้ได้มากที่สุด เพื่อลดการแพร่กระจายยาเสพติดในประเทศไทยให้เป็นศูนย์