MGR Online - รมว.ยุติธรรม เผย ไม่กังวลการส่งมอบเวชระเบียน ‘ทักษิณ’ นอน รพ.ตำรวจ ชั้น 14 ยันให้ความร่วมมือแต่ต้องเคารพกฎหมาย ติงองค์กรอิสระไม่เลือกปฏิบัติ
วันนี้ (14 ธ.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้พิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการรักษาตัวที่ชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ถือเป็นไปตามระเบียบ และขั้นตอนของกฎหมาย ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว โดย ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณา ซึ่งกระบวนการต่างๆ ป.ป.ช. จะต้องเป็นผู้ชี้แจง บุคคลอื่นไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะอำนาจหน้าที่เป็นของ ป.ป.ช.
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มมวลชนออกมาเรียกร้องให้โรงพยาบาลตำรวจ ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งมอบเวชระเบียนการรักษาตัวของนายทักษิณให้กับแพทยสภา และ ป.ป.ช. นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หน่วยงานที่ถูกเรียกร้องนั้นก็จะต้องเป็นผู้พิจารณาว่าได้มีการเรียกร้องไปแล้วหรือไม่ หรือหน่วยงานนั้นจะมีการส่งมอบเวชระเบียนโดยที่หน่วยงานต่างๆ จะไม่เผยแพร่ให้สื่อมวลชนรับรู้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันตนเองก็ตั้งข้อสังเกตว่าในเรื่องสิทธิส่วนบุคคลนั้น องค์กรสิทธิมนุษยชนถึงได้เลือกปฏิบัติไม่ทำทุกกรณี เช่น กรณีของแบงค์ เลสเตอร์ ที่เสียชีวิต ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่กลับไม่ออกมาพูดถึง แต่เมื่อเป็นกณีของนายทักษิณ กลับมุ่งเน้นสิทธิส่วนบุคคลที่ไม่เท่าเทียมกัน จึงทำให้มองว่าองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่สิทธิมนุษยชนกลับไม่เสมอภาค ซึ่งการไปพูดถึงเรื่องคนอื่นมากเกินไป อาจเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนเอง ส่วนการเรียกร้องประวัติการรักษาของนายทักษิณ ถือเป็นภาคเอกชนที่สามารถทำได้ ซึ่งเราเองก็ต้องเคารพ แต่เมื่อเรื่องถึง ป.ป.ช. แล้ว ตนก็ขอให้ทุกฝ่ายอย่าก้าวล่วง ควรเคารพในข้อกฎหมาย และองค์กรอิสระ
"ส่วนกรมราชทัณฑ์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หาก ป.ป.ช.มีการร้องขอเวชระเบียนหรือเอกสารใดๆ ที่เกี่ยวกับนายทักษิณ เราก็ยินดี แต่บางเรื่องก็มีข้อกฎหมายทับซ้อนกันอยู่ ก็ต้องดูในรายละเอียด ซึ่งเขาก็ให้สิทธิเจ้าของคนไข้ที่ไม่ให้เปิดเผย หรือต้องได้รับอนุญาตจากคนไข้ ถึงจะเปิดเผยได้ แต่ในกฎหมายที่เกิดใหม่ ป.ป.ช.ก็มีอำนาจที่จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ดังนั้น ฝ่ายกฎหมายของทั้ง 2 ฝ่าย ก็ต้องไปศึกษาขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อตกลงกัน และท้ายที่สุดหน่วยงานก็จะต้องเอาจริงมาให้ปรากฏต่อสาธารชน"
พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงยุติธรรมไม่มีความกังวล และเชื่อว่าทุกหน่วยงานจะต้องปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย แต่หากเห็นว่ากฎหมายนั้นขัดกัน ก็จะต้องมีการปรับปรุงข้อกฎหมายเพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมยืนยันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะให้ความร่วมมือ เมื่อกฎหมายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงไม่กังวลว่าฝ่ายค้านจะหยิบยกไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ เนื่องจากมีการหยิบมาพูดนานแล้ว และย้ำว่าไม่มีอะไรต้องไปปิดบัง
พ.ต.อ. ย้ำอีกว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาของหน่วยงาน ไม่ใช่การโยนกันไปโยนกันมาตามที่หลายฝ่ายติติง แต่ขณะนี้ เรื่องได้เข้ากระบวนการ ป.ป.ช. ไม่ควรเป็นเดือดเป็นแค้นแทน พร้อมยืนยันอีกว่า เรื่องนี้จะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะทำให้เรื่องบานปลาย แต่เป็นเรื่องที่ต้องสื่อสาร และสร้างความเข้าใจกัน