ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง‘จ่าเอ็ม’ สังหารโหด ‘ลิมคินยา’ อดีตส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา เปิดพฤติการณ์ฆ่าโหด เผย‘จ่าเอ็ม’นวดผ่อนคลายก่อนลงมือสังหารเจ้าตัวสารภาพทุกข้อกล่าวหา ศาลออกหมายจับ ‘คิมรินพิช’มือชี้เป้าถือพาสปอร์ตกัมพูชา
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (13 ม.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้นำตัว พ.จ.อ.เอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม อดีตนาวิกโยธิน สังกัดกองทัพเรือ ผู้ต้องหาความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง กรณีก่อเหตุยิง นายลิม คิน ยา อายุ 73 ปี อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชาและนักเคลื่อนไหว ขณะเดินทางมาประเทศไทย กับภรรยาชาวฝรั่งเศส ที่บริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน
โดยคำร้องระบุพฤติการณสรุปว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.45 น. วันที่ 7 ม.ค. บริเวณวงเวียน 13 ห้าง ถนน 13 ห้าง พ.จ.อ.เอกลักษณ์ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้มาดักรอ เพื่อก่อเหตุยิงทำร้าย นาย ลิม คิน ยา ผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศฝรั่งเศสจนถึงแก่ความตาย
โดยก่อนเกิดเหตุผู้ต้องหาได้มาใช้บริการที่ร้านนวดแผนโบราณ เพื่อรอเวลาที่ผู้ตายเดินมาถึงที่เกิดเหตุ เมื่อผู้ตายนั่งรถโดยสารประจำทางหมายเลขทะเบียนของประเทศกัมพูชามาใกล้ถึงสถานที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้ดักรอก่อเหตุที่บริเวณซุ้มประตูของวัดบวรนิเวศวิหาร จากนั้นมีนายคิม ริน พิช (kimsrin pich) ซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี และถือหนังสือเดินทางของประเทศกัมพูชา ได้เดินลงจากรถโดยสารประจำทางคันดังกล่าว และได้เดินไปทางที่ผู้ต้องหาที่ 1
จากนั้นนายคิม ริน พิช ได้กระทำท่าทีในลักษณะให้สัญญาณบ่งชี้เป้าหมายด้วยการมองหน้าไปยังผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 1 มองไปยังนายคิม ริน พิช จากนั้น ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เดินตามนายคิม ริน พิช พร้อมนำโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความจากนั้น นายคิม ริน พิช หยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงข้างซ้ายขึ้นมาดู ผู้ต้องหาที่ 1 หันหลังกลับเดินตามผู้ตายกับพวกไป
ส่วนนายคิม ริน พิช เดินอ้อมกลับมาบริเวณเกาะกลางวงเวียน 13 ห้าง พร้อมหันไปมองผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ตายกับพวกอยู่ตลอดในลักษณะตามดูเหตุการณ์และตามดูผลงานที่ผู้ต้องหาที่ 1 กำลังก่อเหตุยิงผู้ตาย จนกระทั่งผู้ต้องหาที่ 1 ใช้อาวุธปืนลูกโม่สั้น ยี่ห้อสมิทฯ ขนาด.38 ยิงผู้ตายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจากนั้นนายคิม ริน พิช ได้เดินออกจากสถานที่เกิดเหตุไป และผู้ต้องหาที่ 1 ก็หลบหนีไปเช่นกัน
จากข้อเท็จจริงในทางสืบสวน ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 แบ่งหน้าที่กันทำ โดยผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ลงมือยิงผู้ตาย ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นผู้ชี้เป้าหมาย พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-2 ต่อมาวันที่ 11 ม.ค.2568 สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และนำมาฝากขังต่อศาลในวันนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ยังหลบหนีและไม่สามารถจับกุมได้ในขณะนี้
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,288,289 (4) 371,376, และพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนต้องสอบสวนพยานอีก 20 ปาก (พยานชุดจับกุมและประจักข์พยาน) รอผลตรวจลายนิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ , ผลตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องหา,ผลตรวจเขม่าอาวุธปืนจากร่างกายและเสื้อผ้าของผู้ต้องหา,ผลตรวจใบอนุญาตให้มีอาวุธปืน,ผลตรวจทางนิติเวชจากศพผู้ตาย จึงขออำนาจศาลฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13 -24 ม.ค.2568
ศาลพิจารณาคำร้องเเล้วอนุญาตฝากขังได้
โดยเมื่อช่วงเวลา 10.00 น.เศษ มารดาของจ่าเอ็มและทนายความ ได้เดินทางมาที่ศาลอาญาเพื่อเยี่ยมบุตรชายก่อนเดินทางกลับทันที
ทั้งนี้ภายหลังศาลอาญา อนุญาตให้ฝากขัง พ.จ.อ.เอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาแล้ว ไม่ปรากฏว่า มีญาติหรือทนายความมายื่นคำร้อง และหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวพ.จ.อ.เอกลักษณ์ ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษ กรุงเทพมหานคร