สาววัย 21 ปี ให้ปากคำคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกถ่ายคลิปจัดฉากเรียกค่าไถ่ สูญเงินกว่า 3 แสนบาท
วันนี้10 ม.ค. 2567เวลา 13.30 น. ที่ สภ.เมืองนนทบุรี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี นักศึกษามหาลัยชั้นปีที่ 3 พร้อมมารดา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.อลงกรณ์ ปาลวัฒน์ สว.(สอบสวน) เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้ถ่ายคลิปจัดฉากเหมือนถูกทำร้าย เพื่อเรียกค่าไถ่จากครอบครัว ส่งผลให้สูญเงินไปกว่า 310,000 บาท
คุณแม่ เล่าว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ลูกสาวตน น.ส.เอ ขอใช้โทรศัพท์ของตน โดยอ้างว่าจะนำไปถ่ายงานส่งมหาวิทยาลัย โทรศัพท์ดังกล่าวลิงก์กับ iPad ของแม่ ต่อมาแม่พบการโอนเงินออกจากบัญชีครั้งละ 49,999 บาท รวม 3 ครั้ง จึงพยายามสอบถามลูกสาว แต่ลูกสาวปิดตัวเงียบและเก็บตัวในห้อง
หลังจากนั้น ลูกสาวหลบหนีออกจากบ้านและส่งคลิปวิดีโอมาให้ในลักษณะเหมือนถูกทำร้าย พร้อมขู่ให้โอนเงินเพิ่มอีก 100,000 บาท หากไม่ทำตาม ครอบครัวจะได้รับผลกระทบ แต่เนื่องจากเงินในบัญชีหมดแล้ว แม่จึงไม่สามารถโอนเงินให้ได้
วันที่ 9 ม.ค. ครอบครัวตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากตำรวจจนสามารถติดตามพบ น.ส.เอ ในห้องเช่ารายวันแห่งหนึ่ง ลูกสาวเล่าให้ฟังว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง โดยแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงาน ปปง. ข่มขู่ให้เธอทำตามคำสั่ง หากขัดขืนจะถูกดำเนินคดีทั้งครอบครัว
น.ส.เอ กล่าวว่า ตอนแรกตนก็ไม่เชื่อ แต่พวกเขาใช้จิตวิทยาพูดหว่านล้อม และแสดงพฤติกรรมที่ทำให้ดูเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่จริง ทั้งโทรวิดีโอคอลให้เห็นหน้า หันซ้ายขวา และให้ตนตรวจสอบชื่อในอินเทอร์เน็ต ตนเลยหลงเชื่อและทำตามทุกอย่าง ซึ่งแก๊งนี้มีความซับซ้อนกว่าคอลเซ็นเตอร์ทั่วไป สามารถส่งวิดีโอคอลได้ทันที โดยที่ตนยังไม่ได้กดรับเพื่อนในไลน์ และมีการหลอกให้เปิดห้องเช่า ก่อนขู่ให้โอนเงินเพิ่ม ตอนนี้ยังคงรู้สึกผิดและกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่รู้สึกดีขึ้นหลังได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ พร้อมขอให้ดำเนินคดีกับแก๊งนี้ให้ถึงที่สุด
คุณแม่ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้รู้สึกสบายใจขึ้นที่ลูกสาวปลอดภัย แต่ยังเป็นกังวลต่อสภาพจิตใจของลูกสาว เนื่องจากเธอมีโรคประจำตัวเป็นโรคแพนิค อยากให้เจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี และตำรวจไซเบอร์ ช่วยติดตามจับแก๊งนี้โดยเร็ว ไม่อยากให้มีใครต้องตกเป็นเหยื่อแบบครอบครัวเราอีก
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้สอบปากคำทั้งแม่และลูกสาวอย่างละเอียด และเตรียมส่งสำนวนให้ตำรวจไซเบอร์ดำเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อจับกุมผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
