"เคนโด้" พาผู้เสียหายคดี ดิไอคอน กรุ๊ปยื่นสภาทนายตรวจสอบมรรยาท ทนายวิฑูรย์ อ้างข่มขู่ผู้เสียหาย ยันทำเกินหน้าที่ จ่อฟ้องหมิ่นประมาท พ.ร.บ.คอม พ่วงคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน อีกพร้อมฟ้องทะลุกำแพง "บอสพอล" เหตุปล่อยข้อมูลส่วนตัว
วันนี้ (7 ม.ค.) ที่สภาทนายความ ถ.พหลโยธินนายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือเคนโด้ เจ้าของเพจเคนโด้ช่วยด้วย พร้อมนำตัวแทนผู้เสียหายจากบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป (The Icon Group) เดินทางมายังสภาทนายความ เพื่อยื่นตรวจสอบมรรยาททนายความของนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล The Icon Group พร้อมกันนี้ นายเกรียงไกรมาศยังเตรียมที่จะเปิดพยานหลักฐานใหม่ที่ยืนยันได้ว่า สิ่งที่ทนายวิฑูรย์กล่าวกับสื่อมวลชนที่ผ่านมานั้นไม่เป็นความจริง
นายเกรียงไกรมาศ กล่าวว่า ผู้เสียหายที่ตนพามาวันนี้เป็นผู้เสียหายตัวจริงจากจำนวนหมื่นกว่ารายที่ถูกหลอกให้ลงทุนอย่างไม่เป็นธรรม โดยที่ผ่านมานั้น ทนายวิฑูรย์เป็นผู้ให้ข่าวเพียงแค่ฝ่ายเดียวมาโดยตลอด 2 เดือน ซึ่งเป็นการให้ข่าวลวงเพื่อข่มขู่ผู้เสียหาย จนทำให้ผู้เสียหายไม่มีโอกาสได้พูดความจริงและเกิดความหวาดกลัวว่า ทนายฝั่งนั้นจะดำเนินคดีกับผู้เสียหายทุกคนที่ออกมาแจ้งความและยังปลุกปั่นให้ผู้เสียหายถอนการแจ้งความ นอกจากนี้ ยังยุยงให้หน่วยงานด้านยุติธรรมที่รับผิดชอบคดีนำข้อมูลผู้เสียหายมามอบให้ทนายความเพื่อแจ้งความกลับผู้เสียหาย
ในวันนี้ตนจึงมาที่สภาทนายความ เพราะมองว่าพฤติกรรมของทนายเกินกว่าความเป็นทนายความ เป็นการใช้สื่อมวลชนเป็นเครื่องมือทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัวและถอนแจ้งความ เพื่อเป็นการร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน หลังจากนี้ตนอยากให้ผู้เสียหายออกมา เพราะที่ผ่านมาเป็นฝั่งทนายวิฑูรย์เป็นผู้ให้ข่าวฝ่ายเดียวมาโดยตลอด รวมทั้งการสร้างเรื่องที่ไม่เป็นความจริงที่นำมาสู่การข่มขู่ เช่น หาว่าขี้เกียจขาย หาว่าโง่ ลงทุนเองแต่ขายไม่ได้เอง เสมือนเป็นการทุบหลังผู้เสียหายด้วยข่าวปลอมข่าวมาโดยตลอดและส่อพฤติกรรมเป็นการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงเป็นเหตุทำให้ตนพาผู้เสียหายมายื่นเอาผิดมรรยาททนายความกับทนายวิฑูรย์ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 ข้อ 18 ที่ระบุว่า "ประกอบอาชีพ ดำเนินธุรกิจ หรือประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อเสียงธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ"
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าแปลก เพราะไม่เคยมีปรากฏการณ์ที่สื่อมวลชนต้องสัมภาษณ์ทนายความและปล่อยให้ทนายความออกมาข่มขู่ผู้เสียหายกับยุ่งเหยิงพยานหลักฐานทุกวัน โดยพฤติการณ์ของทนายวิฑูรย์นั้น ก่อให้เกิดความเสียเกียรติภูมิของวิชาชีพทนายความอย่างมากและก่อให้เกิดความไม่ยุติธรรมแก่ผู้เสียหาย เพื่อให้สภาทนายความนำไปพิจารณาอันดับไปสู่การถอดถอนความเป็นทนายความของทนายวิฑูรย์ต่อไป
นายเกรียงไกรมาศ กล่าวต่อว่า ทนายวิฑูรย์ยังรับงานออกมาพูดเคยออกมาพูดเพื่อดิสเครดิตตนเอง กล่าวหาว่า ตนเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง The Icon ก่อให้เกิดความเสียหายกับตนและครอบครัว จึงทำให้หลังจากนี้ ตนจึงตัดสินใจที่จะฟ้องร้องกับทนายวิฑูรย์ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมทั้งเรียกแพ่งค่าเสียหาย 50 ล้านบาท นอกจากนี้ ตนจะฟ้องทะลุกำแพงเรือนจำกับบอสพอลในข้อหาละเมิดตามมาตรา 420 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และปล่อยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคล PDPA รวมทั้งเรียกแพ่งค่าเสียหาย 50 ล้านบาทกับบอสพอลเช่นเดียวกัน
นายเกรียงไกรมาศ กล่าวอีกว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า ทนายวิฑูรย์ได้รับเงินจากใครและเป็นเงินที่เสียภาษีถูกต้องหรือไม่ เพราะว่าบัญชีธนาคารของบอสพอลและ The Icon ถูกยึดอายัดไปแล้ว จึงสงสัยว่า แล้วที่ทนายวิฑูรย์รับงานจากบอสพอลทุกวันนี้นั้น ได้ค่าจ้างมาจากใคร มีตัวการในการฟอกเงินที่เหนือกว่า The Icon หรือไม่ แล้วอยากให้กรมสรรพากรตรวจสอบ การเสียภาษีของทนายวิฑูรย์ด้วย
ด้านนางอนงค์ ยาวิเศษ ผู้เสียหาย อายุ 80 ปี สูญเสียกว่า 700,000 บาท เล่าว่าถูกชักชวนให้ยิงแอดโฆษณาเกษียณ ซึ่งจะมีเงินบำเหน็จบำนาญเงินก้อน จนต้องนำบ้านนำที่ดินไปจำนองเพื่อมาทำยิงแอดโฆษณา เราเห็นประชาสัมพันธ์เชิญชวนอยากมีรายได้ร่วมสมัครออนไลน์ 98 บาท ตนอยากรวยอยากมีรายได้ เห็นเงินลงทุนราคาถูกจึงได้สอบถาม และทำการสมัคร ได้เรียนรู้ต่างๆ เช่นการชวนคน หลังจากนั้นต้องใช้เงินสมัครอีก 2,500 บาท จนกลายเป็น 25,000 บาทขึ้นเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ มีการเชิญชวนให้เป็นดีลเลอร์ 250,000 บาท ถูกโน้มน้าวจนต้องตัดสินใจลงทุนไป เงินก็ไม่มีแต่มีโฉนดที่ดินเป็นบ้านเช่าจึงนำไปจำนองได้เงิน 300,000 กว่าบาทเพื่อมาลงทุน และได้สินค้ามา มีการโน้มน้าวว่าจะเป็นมรดกให้ลูกหลาน พร้อมมีสคริปต์ให้เชิญชวนหาคนเข้ามาลงทุน แต่ปรากฏว่าสินค้าขายไม่ได้จนต้องมีการแจกจ่ายญาติพี่น้อง ขายสินค้าไม่ได้จนต้องล้มเลิกไป
ขณะที่ นางสาวศศิชา อายุ 50 ปี 1ในผู้เสียหาย กล่าวว่าถูกฝ้ายแม่ทีมดิไอคอนต่อ ว่า โง่งอแงที่ไม่ได้ iPad แต่ออกมาเรียกร้อง ตอนเข้าธุรกิจ ตนหวังที่จะหารายได้อีก 1 ช่องทาง เพราะตนเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ได้ร่วมธุรกิจกับสองผัวเมียอดีตนักร้องยุค 90 ถูกชักชวนให้มาร่วมลงทุน เปิดโปรโมชั่นยาสีฟัน จะได้เงินปันผลคืน จนตนต้องตัดสินใจร่วมลงทุน ไปหายืมเป็นหนี้สิน ก็ตัดสินใจทำแล้วเราไม่สามารถไปต่อได้ มันไม่สามารถขายสินค้าได้แต่เขากลับให้เราพูดชักชวนคนให้เอาเงินมาลงทุน เราเอาสินค้าไปขายเพื่อน แต่เพื่อนไม่ซ้ำหนำซ้ำยังบอกว่าสินค้าราคาแพงคุณภาพไม่ดี
ขณะเดียวกัน น.ส.ศศิชา กล่าวทั้งน้ำตาถึงความอึดอัดใจ ว่าแม่ทีมดิไอคอนเอาชีวิตของตนไปล้อเล่น ไปพูดว่าเราไม่ยอมขายสินค้า งอแงเพราะไม่ได้ iPad ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตนตรอมใจและทุกข์ใจมากไม่สามารถที่จะนำปัญหานี้ไปบอกใครได้ ไม่เคยสอนทำงานขาย นอกจากนี้ในไลน์กลุ่มยังมีการด่าทอผู้การแต้ม พล.ต.ต.ตรี วิชัย สังข์ประไพ แบบเสียหาย ซึ่งตนก็มีหลักฐานหากใครอยากรู้ก็มาขอได้ และถ้าจะให้ตนเองรวยแบบพวกเขาบนซากศพกว่าอีก 100 ชีวิตตนขอไม่ทำ
ภายหลัง นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย มารับเรื่องและพาไปยื่นหนังสือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายมรรยาททนายความ โดนกล่าวว่า เมื่อมีผธ้เสียหายมายื่นร้องเรียน ฝ่ายมรรยาทสภาทนายความก็จะดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอน และจะให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอน