แรงงานไทย 250 ราย บุกสอบสวนกลาง แจ้งจับสาวแสบหลอกลวงไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย ก่อนเชิดเงินค่านายหน้ากว่า 12 ล้านบาทหลบหนีหาย
วันนี้ (6 ม.ค.)ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)เมื่อเวลา 10.00 น. นายณรงค์ชัย พนาจันทร์ อายุ 42 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว พร้อมผู้เสียหายประมาณเกือบ 50 ราย เป็นตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด 250 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ภาณุภัค สืบปรุ รอง ผกก. (สอบสวน) กก.4 บก.ปคม. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.ออย อายุ 28 ปีหลังถูกหลอกลวงอ้างจะพาไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 12 ล้านบาท
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า น.ส.ออย อ้างทำงานอยู่ในสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย มีโควต้าพาคนงานไปทำงานด้านเกษตรโรงแรม และร้านอาหารที่ ออสเตรเลียได้ แต่เรียกค่าดำเนินการ 160,000 - 200,000 บาทต่อราย โดยให้จ่ายงวดแรก 60,000 บาท ส่วนที่เหลือจะถูกหักจากเงินเดือนหลังไปทำงานแล้ว แต่เมื่อถึงวันเดินทาง น.ส.อ้อย กลับหายตัวไป ติดต่อไม่ได้ผู้เสียหายทั้ง 250 คน จึงตัดสินใจรวมตัวเข้าแจ้งความดังกล่าว
ขณะที่ น.ส.น้อย หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายรายหนึ่งได้เดินทางไปหาตัว น.ส.อ้อย ที่บ้านพักแต่ก็ไม่พบตัว ด้วยความสงสัยจึงเข้าไปในบ้านก่อนพบเอกสารและหนังสือเดินทางจำนวนหนึ่งถูกกองทิ้งไว้ภายในบ้าน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้ ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ต่อมา นายสนธยา กาลาศรี ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ได้เดินทางมาเพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าว ก่อนเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความห่วงใย จึงกำชับให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในการทำงานต่างประเทศที่ถูกต้อง ควบคู่กับการที่จะเร่งดำเนินคดีกับผู้ที่สร้างปัญหาอย่างเด็ดขาด โดยปี 2567 ที่ผ่านมา สามารถดำเนินคดีกับนายหน้าเถื่อนได้ทั้งหมด 452 คน มีคนไทยถูกหลอก 608 คน รวม 26 ประเทศ และในส่วนกรณีล่าสุดนี้ จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดดำเนินคดีกับตัวผู้ก่อเหตุ โดยจะทำงานร่วมกับตำรวจสวนกลาง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการตรวจสอบบริษัทของ น.ส.อ้อย ว่า มีการจดทะเบียนถูกต้องแล้วหรือไม่ นายสนธยา ระบุว่า ตอนนี้ทราบว่าไม่มีการจดทะเบียนกับกรมการจัดหางานแต่อย่างใด หากตรวจสอบแล้วมีบุคคลใดที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันหลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศก็จะถูกดำเนินคดีทุกราย อีกทั้งปัญหาในการถูกหลอกลวงมีหลากหลายกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่อย่างไรต้องขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. กล่าวว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้ โดยแยกสอบตามพื้นที่ที่เกิดเหตุ เบื้องต้นได้รับคดีไว้ดำเนินการตามที่เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานได้แจ้งความ ว่ากลุ่มผู้เสียหายจะทำความผิดฐานหลอกลวงคนงานไปทำงานในต่างประเทศ ส่วนในเรื่องของการกระทำความผิดฐานการฉ้อโกง หรือฉ้อโกงประชาชน รวมทั้งฐานความผิดอื่น ๆ นั้น พนักงานสอบสวน ปคม. จะต้องนำมาพิจารณาร่วมกันระหว่าง บก.ปคบ. และ บก.ป. โดยอาจจะตั้งเป็นคณะทำงานร่วมกันดำเนินคดีก็ได้