ทนายรณณรงค์ ชี้ผับดังนำข้อมูลส่วนตัวไปขายมีความผิดแพ่ง อาญา ปกครอง ปรับสูงสุดถึง 5 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
จากกรณี สถานบันเทิงชื่อดังย่านบางใหญ่แห่งนี้ ตกเป็นข่าวตามเพจใหญ่ ๆในโซเซียล หลังจากที่มีลูกค้าสาวรายหนึ่งเข้าไปใช้บริการในร้านแล้วโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องได้หายไป เมื่อไปติดตามสอบถามเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือที่หายกับพนักงานของร้านจึงเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ก่อนจะถูกการ์ดของทางร้านจับบีบแขนจนเขียวช้ำและท้าทายให้ไปแจ้งความ และต่อมาผู้เสียหายถูกทางแอดมินเพจของทางร้านนำเฟซบุ๊กมาโพสต์
และชาวเน็ตยังมีการขุดคุ้ยเรื่องราวของร้านอีก จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ และมีการเรียกร้องให้ตรวจสอบสถานบันเทิงดังกล่าว โดยเฉพาะมีเพจดังออกมาแฉว่าร้านดังกล่าวมีการถ่ายบัตรประชาชนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทุกคน เพื่อนำไปขายข้อมูลหาผลประโยชน์
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า พ.ร.บ.ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่เป็นข่าวนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารผับบาร์ที่มีการบันทึกข้อมูลไว้เพื่อประกอบกิจการ หรือใช้ประกอบกระบวนการทางกฎหมาย ในเมื่อบันทึกไว้มีหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูล และไม่เปิดเผยข้อมูลก่อนเจ้าของจะยินยอม
ทนายรณณรงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีผู้ที่รวบรวมข้อมูลเอาไปแสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย หรือพูดง่ายๆว่าเอาไปขาย จะมีความผิดที่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ส่วน คือ 1.คดีทางแพ่ง เจ้าของข้อมูลที่ถูกเอาไปขายสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายส่วนแพ่งได้ หากศาลสั่งปรับมาจำนวน 100,000 บาท ความเสียหายส่วนแพ่งจะมีการชดใช้เพิ่มอีกเท่าตัวจะเป็นเงิน 200,000 บาท 2.คดีอาญาจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.ความรับผิดทางปกครอง มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 5,000,000 บาท ในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตั้งโต๊ะ รับแจ้งความตามความผิดทางอาญาตามกฏหมายที่ตนกล่าวมาทั้งหมด โดยพ.ร.บ.ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ผู้ควบคุมไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เว้นแต่ มีการอนุญาตทางกฎหมาย