ผบ.ตร. สั่งทุกหน่วยและจเรตำรวจ ตรวจสอบการแสวงหาความร่วมมือภาคประชาชน ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย กำชับต้องไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ห้ามมิให้มีลักษณะช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก เอื้อประโยชน์ในทางที่มิชอบให้กับผู้ใดโดยเด็ดขาด ฮึ่มเอาผิดแอบอ้างใช้ตราสัญลักษณ์ เครื่องหมายราชการ
วันนี้ (4 ม.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลในสื่อโซเชียลต่างๆ ว่า มีการจัดฝึกการอบรมหรือการแต่งตั้งที่ปรึกษา โดยอาจมีลักษณะที่เอื้อประโยชน์ หรือไม่เป็นไปตามกฎหมายนั้น ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 และจเรตำรวจ ตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ความเป็นมาของโครงการ การดำเนินการ ผู้มีอำนาจในการดำเนินการ และมีลักษณะที่แอบแฝงใดหรือไม่ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบว่ามีมูลที่เข้าไปเกี่ยวข้อง พัวพันในทางที่น่าจะมิชอบด้วยกฎหมาย ในเบื้องต้นให้ใช้มาตรการทางปกครองโดยทันที และพิจารณาตามข้อกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้เกิดความชัดเจนและโปร่งใสในการทำงาน แล้วรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบทันที
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ย้ำว่า แม้ว่าการแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้กำหนดไว้เป็นแนวทางตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และในระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการส่งเสริมให้ประชาชน ชุมชน ท้องถิ่น และองค์กรมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ พ.ศ. 2551 โดยกำหนดรูปแบบ ลักษณะความร่วมมือด้านต่างๆ และการติดตามและประเมินผลในระดับสถานีตำรวจ ประกอบกับกรณีคนต่างด้าว ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ข้อห้าม และการปฏิบัติตนสำหรับคนต่างด้าวไว้อย่างชัดเจนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ทุกหน่วยตรวจสอบการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง ไม่มีผลประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ใด เป็นการแอบแฝง และกำชับการใช้เครื่องหมายราชการ ตราสัญลักษณ์ต่างๆ จะต้องเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย หากพบบุคคลใดแสดงตน แอบอ้างการเป็นเจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือนำเครื่องแบบหรือเครื่องหมายราชการไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ทุกหน่วยตรวจสอบและดำเนินคดีทุกราย ทั้งนี้ ให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ทุกหน่วย ลงพื้นที่ตรวจสอบหน่วยในสังกัด หากพบว่าหน่วยใดปล่อยปละละเลย จะพิจารณาข้อบกพร่องทั้งทางวินัย อาญา และทางปกครองโดยทันที