“คุมประพฤติ” นำอาสาสมัคร สนับสนุนงานของเจ้าหน้าที่ ช่วยป้องกันอุบัติเหตุทางถนน

MGR Online - อธิบดีกรมคุมประพฤติ นำผู้ถูกคุมความประพฤติทั่วประเทศ สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่

วันนี้ (30 ธ.ค.) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์คดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยวันที่ 29 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันที่สามของ 10 วันอันตราย ช่วงควบคุมเข้มข้น เทศกาลปีใหม่ 2568 (ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค.67 - 5 ม.ค.68) มีคดีเข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติ เพียงจำนวน 78 คดี เป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 65 คดี และ คดีขับเสพ จำนวน 13 คดี เนื่องจากเป็นวันที่ศาลปิดทำการ โดยยอดสะสมรวม 3 วัน (27-29 ธ.ค.67) มีคดีเข้าสู่งานคุมประพฤติ จำนวน 1,763 คดี แบ่งเป็น ขับรถขณะเมาสุรา 1,664 คดี (94.38%) , ขับเสพ 95 คดี (5.39%) และ ขับรถประมาท 4 คดี (0.23%) ซึ่ง จ.เชียงใหม่ มีคดีขับรถขณะเมาสุรามากที่สุด กว่า 288 คดี อันดับสอง จ.สมุทรปราการ 146 คดี และ จ.นนทบุรี 127 คดี

พ.ต.ต.สุริยา เผยอีกว่า กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม มีข้อสั่งการให้สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 ดังนี้ 1. การช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าพนักงานตำรวจบนถนนสายรอง ทั้งการตรวจเยี่ยมด่าน การเข้าเวรด่าน รวมถึงการแจกผ้าเย็น น้ำดื่ม และแผ่นพับประชาสัมพันธ์ ซึ่งสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศร่วมให้บริการประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ จำนวน 189 จุด ได้แก่ จุดบริการประชาชน จำนวน 98 จุด ด่านชุมชน จำนวน 53 จุด และด่านตรวจค้น จำนวน 38 จุด โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น จำนวน 763 ราย ประกอบด้วย ผู้ถูกคุมความประพฤติ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครคุมประพฤติ และเครือข่ายยุติธรรมชุมชน


2. การรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ มีสำนักงานคุมประพฤติดำเนินกิจกรรม โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย ผู้ถูกคุมความประพฤติ อาสาสมัคร คุมประพฤติ เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่าย จำนวน 417 ราย และมีศูนย์ประสานงานอาสาสมัครคุมประพฤติ ศูนย์คุมประพฤติภาคประชาชน และภาคีเครือข่ายอื่นๆ จำนวน 8 แห่ง ให้สนับสนุนพื้นที่ในการจัดกิจกรรม

3. การให้อบรมให้ความรู้ เรื่อง “กฎหมายจราจร” เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ โดยมีผู้ถูกคุมความประพฤติ เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 16 คน และ 4. การปรับภูมิทัศน์เพื่อลดจุดเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 101 คน ประกอบด้วย ผู้ถูกคุมความประพฤติ อาสาสมัครคุมประพฤติ เจ้าหน้าที่ และภาคีเครือข่าย