รอง ผบช.ก. เผยอยู่ระหว่างตรวจนับสำนวนคดีสังหาร สจ.โต้ง จาก สภ.เมืองปราจีนบุรี เตรียมเรียก "รองอุ๊" และพยานรายอื่นมาสอบเพิ่มเติม ยันผู้ต้องในคดีขณะนี้มีแค่ 7 ราย ส่วนสัมพันธ์พ่อลูกกันนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล
วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ว่า ขั้นตอนหลังจากรับสำนวนมาแล้ว ก็จะทำการสืบสวนสอบสวนต่อเพราะปัจจุบันกองปราบปราม ได้ไปร่วมในการทำคดีกับตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีในการสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว แต่ไปในฐานะหน่วยสนับสนุน เพราะปราจีนบุรีจะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่พอโอนมา กองปราบปราม ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบและตำรวจภูธรปราจีนบุรี และตำรวจภูธรภาค 2 ก็จะเป็นผู้สนับสนุน มีอะไรต้องประสานงานกัน ดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดชะงัก
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจนับเอกสาร ดำเนินการเรื่องธุรการ ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในวันนี้ ส่วนแนวทางหลังจากนั้นทางกองปราบปรามก็จะต้องสืบหาพยานหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม แม้ตำรวจภูธรภาค 2 จะทำมาเยอะแล้วก็ตาม แต่ยังมีประเด็นอีกหลายส่วนที่ต้องทำ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะต้องเรียกพยานที่เคยสอบปากคำไปแล้วมาสอบเพิ่มเติม รวมถึงต้องเรียกพยานปากอื่น ๆ มาสอบด้วย หากมีหลักฐานอื่นเพิ่มเติม และมีประเด็นไหนที่มีความขัดแย้งกันก็จะต้องสอบปากคำเพื่อให้เกิดความชัดเจน
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้วางแผนการสอบสวนไว้แล้วว่าจะต้องเรียกใครมาสอบปากคำบ้าง ซึ่งเป็นพยานทั้งสองฝั่ง และ พยานแวดล้อม รวมถึงพยานจากการตรวจพิสูจน์ มีหลายส่วนที่จะต้องเรียกมาสอบปากคำ ซึ่งหากพยานไม่สะดวกเข้ามาให้ปากคำที่กองปราบปราม ทางพนักงานสอบสวนก็พร้อมไปสอบปากคำจุดที่พยานสะดวก ส่วนจะมีการเรียก สจ.จอย ภรรยาผู้ตายมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ก็จะต้องขอดูรายละเอียดในสำนวนอีกครั้งว่ามีประเด็นอะไรขาดเหลือที่จะต้องสอบเพิ่มเติมหรือไม่ ย้ำว่า ทุกประเด็นที่ทำต้องตรวจสอบให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะไปในทิศทางไหน ต้องสอบให้ครบถ้วนทุกประเด็น ไม่มองข้ามประเด็นหนึ่งประเด็นใด ส่วนบุคคลที่ตำรวจยังไม่สามารถติดต่อได้ อย่าง นายกฤษฎ์ กษมพันธุ์ รอง นายกอบจ.ปราจีนบุรี หรือรองอุ๊ ก็คงจะต้องเรียกมาสอบด้วย เพราะเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อถามว่า คนที่เคยเป็นพยานจะสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ต้องหาได้หรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่ขณะนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิดอยู่ที่ 7 ราย ส่วนผลการตรวจของพิสูจน์หลักฐาน ขณะนี้ได้มาบางส่วนแล้ว ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทยอยส่งกลับมา ทั้งนี้หลังจากที่คณะทำงานได้อ่านรายละเอียดในสำนวนคดีทั้งหมดแล้ว คาดว่าจะมีการนัดประชุมคณะทำงานกันได้ในสัปดาห์หน้า และมีโอกาสที่จะต้องเสนอให้โอนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของศาลอาญาด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่มีกระแสข่าวว่า สจ.โต้ง อาจจะเป็นลูกแท้ ๆ ของโกทรหรือไม่นั้น พล.ต.ต.สุวัฒน์ บอกด้วยว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจน ซึ่งหากมีผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง