ตำรวจไซเบอร์จับหนุ่มเปิดบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็น จนท.ดีเอสไอ หลอกย่า-หลานโอนเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตหมดตัว สูญกว่า 3.4 ล้านบาท
วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รรท.ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 ร่วมแถลงผลการจับกุมนายภีมากร รสสุคนธ์สกุล อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6106/2567 ลง 16 ธันวาคม 67 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจด้วยการขู่เข็ญ ร่วมกันโดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบของคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และสมทบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นหญิงอายุ 58 ปีและหลานชาย อายุ 17 ปี ชาว จ.อุดรธานี สองย่าหลาน เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ โทรศัพท์ติดต่อมายังหลานชายแจ้งว่าได้อายัดบัญชีและปิดการใช้งานแอป Mobile Banking ในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้ เมื่อผู้เสียหายตรวจสอบ ปรากฏว่าบัญชีธนาคารได้โดนอายัดและไม่สามารถเข้าใช้งานแอป Mobile Banking ผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้จริง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ที่ติดต่อเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง
จากนั้นมีคนแต่งกายเป็นตำรวจทั้งชายและหญิงวิดีโอคอลเข้ามาพูดคุย แล้วแจ้งให้โอนเงินไปตรวจสอบจำนวน 50,000 บาท แต่เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงินในบัญชี มิจฉาชีพจึงบอกให้ไปหาเงินจากบัญชีธนาคารของญาติหรือใครก็ได้แล้วโอนไปให้ตรวจสอบผู้เสียหายและย่าของผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงนำโทรศัพท์ของย่าที่มีแอพพลิเคชันธนาคาร มียอดเงินในบัญชีจำนวน 2 บัญชี โอนเงินไปให้คนร้ายรวม 10 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,372,311 บาท
โดยผู้เสียหายยังได้นำโทรศัพท์ของปู่ตนเองโอนเงินให้คนร้ายอีก จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 46,163 บาทแล้วได้นำบัญชีธนาคารอีกบัญชีของย่าซึ่งไม่สามารถโอนผ่านแอพพลิเคชันได้ ไปปิดบัญชีที่ธนาคาร แล้วนำเงินเข้าบัญชีของผู้เสียหาย ก่อนโอนให้มิจฉาชีพอีก 1 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 1,998,004 บาท รวมความเสียหายที่โอนเงินทั้งสิ้น 3,412,642 บาท ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินเก็บของปู่และย่าของผู้เสียหายที่สะสมเก็บออมจากการทำงานทั้งชีวิต
โดยจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า กลุ่มขบวนการแก๊งคอลเช็นเตอร์กลุ่มนี้ใช้แผนอุบายและวิธีการหลอกและสคลิปการพูดติดต่อเหยื่อคล้ายกับวิธีการที่ใช้หลอก “ชาล็อต มิสแกรนด์” จึงทำการสืบสวนจนพบข้อมูลหลักฐานว่าเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานในการขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดท้้งหมด 6 ราย จับกุมได้แล้ว 1 ราย คือนายภีมากร ที่ไปเกี่ยวข้องในการเปิดบัญชีม้าใช้รับโอนเงินให้กับกลุ่มขบวนการหลอกลวงกลุ่มนี้ โดยติดตามจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
จากการสอบสวนนายภีมากร อ้างว่าในนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้สมัครงานทางออนไลน์ โดยไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิดในการเปิดบัญชีม้าในคดีนี้ อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามผู้กระทำผิดในส่วนที่เหลืออีก 5 ราย มาดำเนินคดีต่อไป