รอง ผบช.ก.ร่วมกับ ปปป.- ปปช.-ปปท.พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือสรุปแนวทางบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ออกเอกสารสิทธิ์เอื้อนายทุนไร่ภูนับดาวและพื้นที่ข้างเคียงกว่า 600 ไร่พบนักการเมืองนามสกุลดังร่วมเอี่ยว
วันนี้ (19 ธ.ค.)ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)เมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ,เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. , ป.ป.ท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ออกเอกสารสิทธิ์หมิ่นเหม่ต่อการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนบุกรุกป่าในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามผลการลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ภูนับดาว และ พื้นที่โดยรอบกว่า 600 ไร่ เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังเชื่อว่า น่าจะมีการออกเอกสารสิทธิ์ให้โดยมิชอบ ในวันนี้เพื่อความชัดเจนจึงเชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อหาข้อสรุปถึงแนวทางการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ตรวจสอบพบเบื้องต้นนั้นหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับพยานหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้มีมากกว่า 80 เปอร์เซ็น แต่เพื่อความชัดเจน ต้องรอการตรวจสอบหรือยืนยันจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน โดยเฉพาะเรื่องการส่งมอบพื้นที่ป่าไม้ให้กับทาง ส.ป.ก. ส่วนจะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตอนไหนนั้น ต้องรอผลสรุปในที่ประชุมก่อนว่ามีการกระทำผิดหรือไม่ และ เข้าข่ายความผิดใดบ้าง
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับเรื่องการเมืองจะมีผลต่อการดำเนินการตรวจสอบหรือการขยายผลต่อไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ไม่อยากให้คิดเรื่องการเมือง กรณีนี้เราตรวจสอบเพราะเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยการออกเอกสารสิทธิ์เอื้อประโยชน์ให้นายทุน จึงอยากให้มองเรื่องนี้เป็นหลักก่อน ส่วนจะขยายผลเอาผิดฟอกเงิน กับบุคคลอื่น ๆ อีกหรือไม่ ก็คงต้องรอให้เรื่องหลักเสร็จสิ้นก่อนจากนั้นจึงค่อยพิจารณาตามพยานหลักฐานอีกครั้ง
ต่อมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวภายหลังจากการประชุมร่วมกับตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปร่วมกันว่า พื้นที่ที่ทำการตรวจสอบ 600 ไร่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์เป็นที่ดิน ส.ป.ก. ได้เนื่องจากพบว่าเป็นพื้นที่ปลูกป่าตั้งแต่ปี 2520 รวมถึงยังเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ มีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ จึงไม่สามารถออกเอกสาร ส.ป.ก.ได้
“หลังจากนี้จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย โดยตั้ง คณะทำงานเพื่อมาตรวจสอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยในขั้นแรกจะมีการเรียกเจ้าหน้าที่รางวัด กำนัน นายทุน และเจ้าหน้าที่ส.ป.ก. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบปากคำ โดยจะเริ่มจากการเอาแปลงปลูกป่าทั้งหมดมาตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะดำเนินการเอาผิดทั้งหมด และพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่ติดกับป่าก็จะมีการเรียกผู้ที่ครอบครองนั้นเข้ามาสอบปากคำเช่นเดียวกันว่ามีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่” รอง ผบช.ก.กล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการตรวจเช็คประกันสังคมของผู้ครอบครองทั้ง 60 คน ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์ในการครอบครอง ซึ่งแต่ละคนนั้นได้สิทธิ์ในการครอบครองไม่เท่ากันตั้งแต่ 3 แปลง จนถึง 50 ไร่ รวมทั้งหมด 600 ไร่ ซึ่งผู้ครอบครองส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ อาทิ ข้าราชการ พนักงานบริษัท หลานรองผู้ว่าจังหวัดฯ นายทุน ซึ่งจะต้องมีการสอบปากคำก่อนว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และ จะนำเนินคดีกับใครบ้าง อย่างไรก็ตามในกรณีนี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องมากกว่า 100 คน เพราะฉะนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาในการสอบปากคำเพื่อให้ได้มาในรายละเอียดข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน เพราะผู้ครอบครองบางส่วนมีการขายต่อไปยังบุคคลอื่นซึ่งจะต้องสอบว่ามีเจตนาหรือไม่ ส่วนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ถ้าตรวจสอบแล้วว่ามีความผิดก็จะมีการสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างนั้นๆ
เมื่อถามว่านักการเมืองระดับบิ๊กมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบเห็นรายชื่อปรากฏที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร่ภูนับดาว หรือ พื้นที่รอบข้างบางส่วนใน 600 ไร่นี้ด้วย ซึ่งก็มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอยู่ เป็นนามสกุลดังหากพูดชื่อมาหลายคนก็น่าจะรู้จัก
เมื่อถามว่าคดีนี้มีนักการเมืองรวมถึงข้าราชการหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ประชาชนมีความกังวลว่าคดีนี้จะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า นโยบายของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ได้เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ ทำคดีไปตามข้อเท็จจริง และบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนด้วยความเป็นธรรม และยืนยันว่าจะทำคดีนี้ให้เร็วที่สุด