ตำรวจสืบนครบาลจับกุม “ฟิว ใจบาป” ตระเวนงัดตู้บริจาคในวัด นำเงินที่ได้ไปซื้อยามาเสพ
วันนี้ (19 ธ.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น ร่วมกับตำรวจ สน.บางรัก จับกุมตัวนายวรกันต์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.1189/2567 ลงวันที่ 17 ธันวาคม 2567 กระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นไปด้วยประการใดๆ จับกุม ที่ลานจอดรถวัดบางประทุนนอก แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
โดยพฤติการณ์การกระทำความผิด คือ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายได้มาทำทีมากราบไหว้พระพุทธรูป บริเวณในพระวิหารพระนอนของวัดแห่งหนึ่ง และได้แอบอยู่หลังพระวิหารพระนอน จนทางวัดได้ปิดประตู แล้ว คนร้ายจึงได้ทำการงัดตู้บริจาคและได้นำเงินสดบริจาคหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ร่วมกับ ฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก สนธิกำลัง ลงพื้นที่สืบสวนจนได้ภาพของผู้ต้องหา และติดตามจับกุมผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง นอนตามที่สาธารณะ แต่ก็สามารถติดตามจนจับกุมตัวผู้ต้องหาได้
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหารับว่าเงินบริจาคนั้น ตนเอาไปซื้อเฮโรอีนมาเสพ เพื่อรักษาโรคประจำตัวของตนเอง และนำไปจ่ายหนี้ของตนเอง จากการตรวจสอบเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังพบอีกว่ามีคนร้ายได้ไปก่อเหตุในวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ภายในอุโบสถวัดแห่งหนึ่งพื้นที่ สน.บุปผาราม
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำผิดผู้ต้องหามีประวัติการกระทำผิดโดยการงัดเพื่อลักทรัพย์เอาทรัพย์มาแล้ว 2 ครั้ง คือ 1.สน.สมเด็จเจ้าพระยา เลขคดีอาญาที่ 359/2565 ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยมีอาวุธฯ (ลักเงินในตู้บริจาคริเวอร์ไซด์เฮอริเทจ เดสดติเนชั่น ถนนเชียงใหม่ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร 2.สน.บางขุนเทียน เลขคดีอาญาที่ 329/2566 ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ งัด ตู้เติมเงินบุญเติม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางรักเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าผู้ต้องหาเป็นภัยต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนในประชาชน และยังเป็นบุคคลเร่ร่อน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องรีบจับกุมตัวมาดำเนินคดี ขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง ตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาในบริเวณที่อยู่ของตนอย่างรอบคอบ ติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ครอบคลุม และคอยเป็นหูเป็นตาให้กัน