ตำรวจไซเบอร์ขยายผลจับคนกลางผู้รวบรวมบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวง “ชาล็อต” โอนเงิน 4 ล้านบาท
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.รรท./ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ ตำชำนาญ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ทํานุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1 ร่วมแถลงผลความคืบหน้า ปฏิบัติการล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลวง น.ส.ชาล็อต ออสติน สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้จับกุม น.ส.ปาริฉัตต์ อายุ 40 ปี อดีตบัญชีม้าแถวแรกผันตัวเป็นผู้จัดหา
โดย น.ส.ปาริฉัตต์รับจ้างข้ามแดนไปสแกนใบหน้าที่ฝั่งประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ให้การว่า มีผู้จ้างให้เปิดบัญชีได้มาหาที่บ้านเพื่อถ่ายรูปสมุดบัญชีธนาคารที่เปิดใหม่ และแจ้งว่าตนเองและสามีต้องเดินทางไปประเทศกัมพูชา 2 วัน จากนั้นช่วงค่ำได้มีรถแท็กซี่มารับตนเองและสามีไปที่ตลาดโรงเกลือ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว แล้วเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติไปยังตึกแถวแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา และได้มีการอายัดเส้นทางการเงิน 1 เส้นทาง ที่มีการไปซื้อเงินสกุลดิจิทัลไว้แล้ว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขยายผลไปติดตามจับกุม นายอาทิตญา อายุ 43 ปี ได้ที่บ้านพักในพื้นที่ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างนางสาวปาริฉัตต์และสามี ให้เปิดบัญชีม้า และให้เดินทางข้ามแดนไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชา จากการตรวจค้นบ้านพัก พบของกลาง สมุดบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น 12 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ซิมการ์ด และบัตรเอทีเอ็ม อีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้นายอาทิตญาให้การยอมรับว่า เคยถูกว่าจ้างให้เปิดบัญชีและไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชามาก่อน หลังจากที่บัญชีถูกอายัดจึงเดินทางกลับประเทศไทย แต่ก็ยังติดต่อกับผู้ร่วมขบวนการที่รู้จักกันที่กัมพูชาอยู่ จึงผันตัวมาเป็นคนกลางผู้รวบรวมบัญชีม้า แล้วส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านแทน ทำมาตั้งแต่ปี 66 เคยพาคนไปเปิดบัญชีม้า 11 ครั้ง รวมแล้วกว่า 300 คน ได้ส่วนแบ่งจากค่าจ้างที่หัวหน้าแก๊งจ่ายให้ ซึ่งยังอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า ตำรวจดำเนินคดีกับผู้เสียหายรายอื่นที่ไม่ใช่คนดังในมาตรฐานเดียวกัน แต่ความเร็วหรือช้าของการทำคดีนั้น ขึ้นอยู่กับข้อมูลและความซับซ้อนของคดี ไม่ได้มุ่งเน้นแต่ทำคดีของคนดังที่เป็นผู้เสียหายเพียงอย่างเดียว พยายามจะทำคดีทุกคดีให้ดีที่สุด