ตำรวจไซเบอร์ตามรวบคู่หูแสบมือแฮกเพจดัง ก่อนยึดขายต่อตลาดมืดให้กับกลุ่มทำธุรกิจสีเทา สร้างรายได้ต่อเดือนนับแสน
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่บช.สอท. นำโดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว "รวบคู่มือแฮกเพจดังภาคใต้ ยึดได้ขายต่อ พร้อมขู่แบล็กเมล์เตือนประชาชนระวังภัย"
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 ได้มีผู้เสียหายอายุ 52 ปี มีอาชีพเสริมเป็นเจ้าของค่ายเพลง และเป็นเจ้าของบัญชีแฟนเพจต่างๆ ที่ใช้ในการโปรโมตศิลปินและผลงานเพลงในค่าย โดยได้ทำงานสร้างเนื้อหามากว่า 7 ปีแล้ว และมีฐานผู้ติดตามหลักล้าน สามารถสร้างรายได้บนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้รับการติดต่อในกล่องข้อความจากบัญชีที่ใช้ชื่อว่า "Jeab Prajuk" ซึ่งเป็นบัญชีอวตารและได้แอบอ้างว่า บัญชีเพจต่างๆ ของผู้เสียหายมีการถูกนำไปขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมกับส่งภาพที่แคปหน้าจอมาให้ดู ผู้เสียหายจึงเข้าใจว่า เพจของตนเองโดนแฮก ต่อมาคนร้ายจึงได้อาสาแนะนำการตั้งค่าบัญชีแฟนเพจให้ปลอดภัย
ต่อมาคนร้ายจึงบอกให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนที่แนะนำ ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวที่คนร้ายให้ทำนั้น เป็นการตั้งค่าให้สิทธิ์คนร้ายเข้าถึงและควบคุมเพจของผู้เสียหายได้โดยไม่รู้ตัว และระหว่างการปรับตั้งค่าเพจ คนร้ายได้วิดีโอคอลตลอดเวลาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ โดยคนร้ายใช้เป็นกล้องหลังเพื่อปิดบังใบหน้า แต่คนร้ายเผลอเปิดกล้องหน้าประมาณ 1 ครั้ง ทำให้ผู้เสียหายจดจำจดรูปพรรณสัณฐานได้
ภายหลังผู้เสียหายเพิ่งพบว่าตนเองไม่สามารถเข้าถึงเพจของตนเองได้ จึงได้ลองติดต่อคนร้ายเพื่อขอเพจคืน กลุ่มคนร้ายแจ้งว่ายินยอมคืนเพจให้แต่ได้เรียกร้องเงินจำนวนหนึ่งเพื่อแลกกับการคืนเพจดังกล่าว ผู้เสียหายจึงโอนเงินไปให้ส่วนหนึ่ง และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สิชล ในเวลาต่อมา
ต่อมา ได้มีการโอนสำนวนคดีดังกล่าวมายัง กก.3 บก.สอท.5 รับผิดชอบ ตามคำสั่ง ตร. ที่ 182/2566 ลงวันที่ 17 มี.ค.66 เรื่องการรับแจ้งความและการบริหารคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยตำรวจไซเบอร์พบข้อมูลว่า เพจของผู้เสียหายได้ถูกเปลี่ยนชื่อและถูกนำไปใช้ลงโฆษณาแปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้จำนวน 2 ราย
กระทั่งวันที่ 17 ธ.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายกฤต อายุ 22 ปีตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ จ.653/2567 ลง 14 ธ.ค.67 โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักในอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี และจับกุมนายคุณัชญ์ หรือ มิน อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ จ.645/2567 ลง 11 ธ.ค.67 โดยควบคุมตัวได้ที่บ้านพักใน อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี พร้อมของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะพร้อมอุปกรณ์ จำนวน 3 รายการ และ โทรศัพท์มือถือถือที่ใช้สั่งการและทำธุรกรรมทางการเงิน จำนวน 1 เครื่อง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฉ้อโกง, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน,ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งคอมพิวเตอร์
ของผู้อื่นโดยมิชอบ, กระทำด้วยประการใดๆ โดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และเป็นเหตุให้
เกิดอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น"
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีในความผิดฐาน "ร่วมกันกันฉ้อโกง, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน,ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งคอมพิวเตอร์
ของผู้อื่นโดยมิชอบ, กระทำด้วยประการใดๆ โดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบและข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น"
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การว่า ได้ใช้บัญชีโซเซียลอวตารที่ นายคุนัชญ์ หรือ มิน ได้สร้างขึ้นมาทักเข้าไปหาเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก โดยมี นายกฤตฯ ผู้ต้องหาอีกรายทำหน้าที่คัดเลือกเหยื่อและส่งช่องทางการแฮ็กให้ผู้ต้องหา แล้วหลอกผู้เสียหายให้ตั้งค่าให้ตนได้สิทธิ์เป็นแอดมินเพจ เมื่อยึดเพจได้ก็จะตัดสิทธิ์เจ้าของเพจเดิมออก เมื่อยึดเพจได้แล้ว นายกฤตฯ ก็จะโอนเงินค่าตอบแทนให้นายคุณัชญ์ หรือ มิน โดยคิดอัตราค่าตอบแทนตามยอดผู้ติดตามของเพจนั้น ในราคา 3,000 บาทต่อ 1 แสนผู้ติดตาม แต่สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
โดยคนร้ายทั้ง 2 ราย ได้รู้จักกันผ่านการเล่นเกมส์ออนไลน์ และมีความสนิทกันมาประมาณ 2-3 ปี โดยใช้การติดต่อสื่อสารทางแอป Telegram เป็นหลักเพื่อพูดคุยงานและการส่งลิงก์บัญชีธุรกิจ (กรณีให้ลูกค้าค้าทำตามขั้นตอนที่คนร้ายแนะนำ) เมื่อยึดเพจมาได้แล้ว จะนำไปลงประกาศขายต่อในกลุ่มปิด หรือในกลุ่มตลาดมืดที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ และ แก๊ง Call Center เป็นต้น สามารถทำรายได้จากการกระทำดังกล่าวนับแสนบาทต่อเดือน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ไปแล้วไม่ต่ำกว่าล้านบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของนายกฤตฯ ผู้ต้องหา พบว่ามีเพจชื่อดังจำนวนกว่า 100 บัญชีที่ถูกยึดมาโดยวิธีการฟังกล่าว และนำไปซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนในตลาดมีดอีกทอดหนึ่ง
ทั้งนี้ หากเจ้าของเพจท่านใดมีข้อกังวลหรือสงสัยว่า บัญชีโซเชียลหรือเพจของตนเองอาจเคยโดนคนร้ายกลุ่มนี้หลอกลวงมาก่อน สามารถรายงานขอความช่วยเหลือได้ที่https://www.facebook.com/hacked และสอบถามได้ที่ บก.สอท. 5 ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-412-5613 โดยทางตำรวจไซเบอร์
และ Meta Platforms Inc. มีการทำงานบูรณาการความร่วมมือกันในการดูแลชุมชนออนไลน์ให้ปลอดภัยอย่างใกล้ชิด