ตำรวจสืบนครบาลจับ “กระต่ายแสนกล” สาวใหญ่รับจ้างดูแลผู้สูงอายุ หลังทำร้ายยายวัย 83 ปี นอนป่วยติดเตียง
วันนี้ (18 ธ.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น.พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.พร้อม ชุดปฏิบัติการที่ 2 จับกุม น.ส. นภสร หรือ “กระต่ายแสนกล” อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1234/ 2567 ลงวันที่ 11 กันยายน 2567 กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย สามารถจับกุมได้ที่หน้าบ้าน ซอยรัฐขจร แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
โดยพฤติการณ์สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ลูกของผู้เสียหายได้โพสต์ในกลุ่ม “หาพนักงานดูแลผู้สูงอายุ” บนกลุ่มเฟซบุ๊ก โดยทางผู้เสียหายต้องทำงานประจำ และมีภาระต่างๆ ภายในบ้าน พอมีกำลังที่จะจ้างพนักงานประจำ เพื่อจัดหาผู้ดูแลมารดา อายุ 83 ปี ของตนซึ่งเป็นผู้สูงอายุ และป่วยนอนรักษาตัวที่บ้าน (ผู้ป่วยนอนติดเตียง) จึงมีผู้สนใจติดต่อเข้ามา ตามเบอร์โทรที่ตนแจ้งไว้ตามโพสต์ประกาศหาคนดูแลผู้สูงอายุ ต่อมาผู้ต้องหารายดังกล่าว พยายามขอเข้าทำงาน ตนจึงรับเข้าทำงาน ภายหลังจากพูดคุย ซักถามถึงประสบการณ์ในการดูแลผู้สูงวัย จึงให้เริ่มงาน วันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนในวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา สังเกตุเห็น มารดาที่นอนป่วยติดเตียงดังกล่าวมีรอยฟกช้ำตามใบหน้า และลำตัว จึงได้เฝ้าดูพฤติการณ์ของผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิด มาโดยตลอด จนถึงวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา และเก็บรวบรวมหลักฐานผ่านกล้องวงจรปิด ที่ตนเองติดตั้งภายในห้องที่มารดานอนป่วย
จนได้พบเห็นพฤติการณ์ที่สะเทือนต่อจิตใจ นำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่สมาชิกในครอบครัวและต้วมารดาที่ป่วย หลังพบว่า ผู้ต้องหาได้กระทำการทุบตี มารดาที่ป่วยอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ตั้งแต่รับเข้าทำงาน จนถึงล่าสุด ตนจึงได้พูดคุยสอบถามกับผู้ตัองหาถึงสาเหตุในการกระทำ โดยเบื้องต้นให้การยอมรับกับตน และครอบครัว ว่าเป็นผู้กระทำตามภาพที่ปรากฎในวงจรปิด จากนั้นไม่ได้สำนึกในการเข้ามาขอโทษ อีกทั้งมีพฤติการณ์แสดงท้าทายไม่ยำเกรงต่อผู้เสียหายและครอบครัว ซึ่งผู้เสียหายจึงได้ตรวจสอบยังสมาชิกในกลุ่ม “นายจ้าง หาคนดูแลผู้สูงอายุ” พบผู้เสียหายให้ข้อมูลจำนวนมาก ในพฤติการณ์คล้ายคลึงกันของผู้ต้องหารายนี้ ตนจึงเข้าแจ้งความในวันที่12 ก.ค.ที่ผ่านมา และเข้าไปรัองทุกข์ยังเพจ “สายไหมต้องรอด” เพื่อให้การช่วยเหลือและรับเป็นคำร้องทุกข์ที่เป็นภัยอันตรายต่อสังคม ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ที่หวังเพียงได้รับการดูแลมารดาอย่างมีจรรยาบรรณ จึงให้เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแต่ให้การยอมรับ ว่าบุคคลดังกล่าวในภาพและชื่อสกุล เป็นตนเองตามหน้าหมายจับ แต่ปฏิเสธการทำร้ายร่างกาย และ ยังให้การว่า ตนไม่ทราบเลยว่ามีหมายเรียก และหมายจับส่งไปยังบ้าน เพราะตนเองไม่เคยกลับเข้าไปบ้านอีกเลย นับตั้งแต่ ทำงานรับดูแลผู้สูงอายุตามบ้าน ผู้ต้องหายังให้การเพิ่มว่า ปกติตนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาศัยว่านายจ้าง ว่าจ้างให้ไปที่ไหน ตนก็จะขอดูแลกับเคสที่มีที่พักอาศัย เป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่ทราบข้อมูลว่าตนมีคดีติดตัว ผู้ต้องหาให้การว่า ตนไม่เคยมีพฤติการทุบตี ทำร้ายใคร ตนรักผู้สูงอายุ และรักเด็ก เป็นคนธรรมะเข้าวัดฟังธรรมมาโดยตลอด
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปักใจเชื่อแต่อย่างใด เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม และผู้เสียหายร้องทุกข์
ยังพบว่ามีผู้เสียหายอีกบางราย ที่ถูกผู้ต้องหารายดังกล่าวนี้ ก่อเหตุในลักษณะคล้ายคลึงกัน อีกทั้งยังมีข้อมูลยืนยันจากใบแจ้งความ และได้ลงบันทึกประจำวัน การทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์ฯ อันก่อให้เกิดความเสียหายทั้งร่างกาย และจิตใจแก่ญาติ และผู้สูงอายุตามบ้านที่ผู้ต้องหาเข้าไปดูแลอีกหลายคำร้องทุกข์ฯ จากนั้นจึงได้ทำบันทึกการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหา ให้พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรีเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนประชาชน การหาคนดูแลผู้สูงอายุจึงควรมีปัจจัยหลายข้อด้วยกันเพื่อคำนึงถึงก่อนเลือกใช้บริการหาคนดูแลผู้สูงอายุ ความน่าเชื่อถือและมาตรฐาน ไม่ควรคำถึงเรื่องราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่การหาคนดูแลผู้สูงอายุจะต้องมีพยาบาลดูแลผู้สูงอายุ หรือบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง มีคุณภาพและมาตรฐานในการดูแลผู้สูงอายุ บริการต่างๆ ที่ครบครัน โดยไม่เพียงแค่ดูแลเรื่องสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ต้องดูแลรักษาสุขภาพใจได้ด้วยและต้องถูกต้องตามกฎหมาย และควรติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในห้องที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
