xs
xsm
sm
md
lg

แม่เด็กลูกครึ่งร้อง บช.ก.ถูกรถเมล์ทับปางตาย คู่กรณีเมินเยียวยา ซ้ำถูกแจ้งข้อหาขับรถประมาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



แม่เด็กหญิงลูกครึ่งวัย13 ร้องขอความเป็นธรรมตำรวจสอบสวนกลาง ถูกรถเมล์ ขสมก. ชนได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ได้รับการเยียวยา ซ้ำถูกตำรวจให้เซ็นรับทราบข้อหาขับรถประมาท


วันนี้ ( 17 ธ.ค.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือจ่าคิงส์ สะพานใหม่ พา น.ส.น้ำทิพย์ แดงดำรงค์ อายุ 45 ปีผู้เสียหาย ร้องขอความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวน บช.ก. หลังถูกรถเมล์ ขสมก. ชนจนลูกสาววัย 13 ปีได้รับบาดเจ็บ โดยไร้ความรับผิดชอบจากคู่กรณี

น.ส.น้ำทิพย์ กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 67 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ตนขับขี่รถจักรยานยนต์ไปทำธุระกับลูกสาวที่ซ้อนท้ายบริเวณถนนสุขสวัสดิ์ 14 ได้เกิดอุบัติเหตุรถเมล์สาย 82 เกี่ยวแฮนด์รถของตนจนทำให้เสียหลักล้ม และลูกสาวก็ถูกรถเมล์ทับ ซึ่งทำให้ขาหัก แขนหัก สะโพกแตก เชิงกรานหักต้องดามเหล็ก ไม่สามารถนอนปกติได้ จะต้องนอนที่นอนลูกโป่ง หลังจากนั้นก็ได้พาลูกสาวไปรักษาที่รพ.บางกอก 9 แต่ลูกสาวมีอาการหนัก มีเลือดตกในช่องท้อง ซึ่งทาง รพ.บางกอก 9 ไม่สามารถรักษาได้ จึงประสานไปที่ รพ.จุฬาเพื่อทำการรักษา

น.ส.น้ำทิพย์ กล่าวต่อว่า โดยในวันที่เกิดเหตุขณะที่พาลูกสาวตนไป รพ.เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดต่อให้ตนเข้าไป สน.บางคอแหลม เพื่อไปลงบันทึกประจำวัน แต่เมื่อไปถึงแล้วก็พบว่าคู่กรณีได้ไปก่อนหน้าตนแล้ว ซึ่งการให้ปากคำก็พบว่ามีเพียงคู่กรณีเท่านั้นที่ได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่ได้มีการสอบปากคำตนเองเลย และต่อมาก็ชี้ว่าตนเป็นฝ่ายผิด ในข้อหาขับรถโดยประมาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าหากตนไม่เซ็นรับทราบข้อกล่าวหาจะออกหมายเรียกหรือหมายจับ

น.ส.น้ำทิพย์ กล่าวอีกว่า ลูกสาวใช้เวลารักษาตัวร่วม 1 เดือน และกลับมารักษาตัวต่ออยู่ที่บ้านอีกเป็นเวลา 8 เดือน ทำให้ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ซึ่งตลอดเวลาการรักษาคู่กรณีได้มาเยี่ยมลูกสาวตนเพียงครั้งเดียว และไม่เคยสอบถามหรือเยียวยาแต่อย่างใด แต่ก็มีตัวแทนของขขสมก. มาเยี่ยม และมอบเงินให้ 5,000 บาท โดยบอกว่าให้ใช้สิทธิ์รักษา 30 บาทรักษาทุกโรคไปก่อน เมื่อรักษาอาการบาดเจ็บหายแล้วค่อยมาว่ากัน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาเพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งค่ารักษาทั้งหมดตนจึงต้องสำรองจ่ายไปก่อน และยังติดค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาลจุฬาอีกจำนวน 30,000 บาท

"ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตนเครียดจนรู้สึกอยากชวนลูกไปฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในวันนี้จึงได้ประสานมายังจ่าคิงส์ เพื่อมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนและบช.ก. เพื่อประสานไปยังตำรวจท้องที่เพื่อให้ความเป็นธรรมในคดีนี้" น.ส.น้ำทิพย์ กล่าว

สำหรับเด็กหญิงผู้เสียหายเป็นลูกครึ่งไทยแคเมอรูน ซึ่งคุณพ่อเป็นอีตนักฟุตบอลอาชีพที่เคยมาค้าแข้งในประเทศไทยช่วงปี 51-55 แต่ตอนนี้ได้กลับไปอยู่ที่ประเทศไปแล้ว แต่ก็ยังมีการติดต่อกับภรรยาและลูกอยู่เสมอ และยังให้ความเป็นห่วงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น