xs
xsm
sm
md
lg

"เคนโด้-อี้ แทนคุณ" จี้ ดีเอสไอ ตรวจสอบ บ.เครือข่ายซิม-รถยนต์ "สามารถ" เอี่ยวฟอกเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - เคนโด้ ควง อี้ แทนคุณ ร้อง ดีเอสไอ ตรวจสอบบริษัทจำหน่ายซิมดังและรถยนต์อัลพาร์ท ของกลาง "สามารถ" ให้เป็นค่าดูแลหรือไม่ หลังบริษัทฯ เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่



วันนี้ (2 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายเกรียงไกรมาศ พจนสุนทร หรือ "เคนโด้" และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ "อี้ แทนคุณ" นำหลักฐานเกี่ยวกับบริษัทเครือข่ายซิมดังที่เกี่ยวข้องกับ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ต้องหาคดี พ.ร.บ.การฟอกเงิน และตรวจสอบที่มาของรถยนต์อัลพาร์ท สีดำ ทะเบียร ส-0671 กรุงเทพมหานคร ของกลางที่ยึดได้จากบ้านของนายสามารถ ย่านพรานนก ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง

นายเกรียงไกรมาศ หรือ "เคนโด้" กล่าวว่า จากการที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ยึดรถยนต์ นายสามารถ ที่บ้านพักได้ 1 คัน เมื่อตรวจสอบพบว่า รถคันดังกล่าวเป็นรถของบริษัทจำหน่ายซิมยี่ห้อหนึ่ง และไม่ใช่ชื่อ นายสามารถ รวมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทอาจเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินนายสามารถด้วยหรือไม่ โดยบริษัทอ้างว่าทำธุรกิจการจำหน่ายซิมและตู้เติมเงิน ทั้งๆ ที่กสทช.เคยเตือนห้ามนำซิมมาทำในระบบ MLM แต่ก็มีประเด็นเรื่องการชักชวนคนมาระดมทุนอ้างได้ผลตอบแทนสูง และยังมีดารา นักการเมือง ไปทำการตลาดให้ จนตอนนี้มีผู้เสียหายออกมาร้องเรียน เพราะช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทนี้ไม่ได้มีการจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย จึงตั้งข้อสังเกตว่าจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรือไม่

นายเคนโด้ กล่าวอีกว่า ตนยังไม่ได้บอกว่าบริษัทดังกล่าวกระทำผิดแต่อยากให้ออกมาชี้แจงแผนการทำธุรกิจแบบ 300% ใช่หรือไม่ ลงทุนสูงสุดถึง 5 ล้านบาทจริงหรือไม่ ซึ่งก็เลื่อนมาแล้วร่วม 2 เดือน นอกจากนี้ ตนจึงอยากให้ดีเอสไอตรวจสอบให้ลึก ว่านายสามารถไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวหรือไม่ และต้องการให้บริษัทดังกล่าวออกมาชี้แจง ว่ารถเป็นของใคร เหตุใดนายสามารถถึงนำไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่ง หรือ นายสามารถไปมีตำแหน่งอะไรในบริษัทนี้ รวมถึงรถคันอื่นของนายสามารถอีก 4 คัน ว่ามีความเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ หากบริษัทเป็นผู้เสียหายก็อยากให้ชี้แจงด้วย


ด้าน นายแทนคุณ เผยว่า บริษัทดังกล่าวก่อตั้งประมาณ พ.ศ.2561 หรือ 6 ปีที่แล้ว คาบเกี่ยวกับ นายสามารถ มีตำแหน่งผู้ช่วย รมว.ยธ. มีการแอบอ้างเทวดา เพื่อไปเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย โดยแบ่งพฤติกรรมเป็น 3 ลักษณะ คือ 1.อ้างมีการผู้ใหญ่ มีเทวดาคุ้มครอง 2. ต้องจ่ายส่วย ค่าดูแลเซ่นเทวดา และ 3.มักจะแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้ข้อมูลจากผู้เสียหายว่ามีคนมาร้องเรียนให้ช่วยเหลือเมื่อได้ข้อมูลจากผู้เสียหายก็จะไปคุยกับบุคคลอื่นเพื่อตบทรัพย์ แต่อ้างขอค่าทำบุญ สอดคล้องกับเงินที่คุณแม่พูดว่าเป็นเงินทำบุญที่โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

นายแทนคุณ เผยอีกว่า บริษัทอ้างว่าแผนการลงทุนจะได้ประมาณ 3 เท่า เช่น ลงทุน 5 หมื่น ได้ 1.5 แสนบาท หรือ 5 แสน ได้ 1.5 ล้านบาท หรือ 5 ล้าน ได้ 15 ล้าน แต่ 2 เดือนล่าสุดเกิดสะดุดอ้างระบบติดขัด ซึ่งเป็นเพราะเทวดาด้วยหรือไม่ โดยวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) บริษัทอ้างว่าจะสามารถจ่ายค่าปันผลผู้เสียหายได้ แต่ถ้าทำไม่ได้จริง หลังจากนั้นอาจจะรวบรวมผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม บริษัทน่าจะมีค่าดูแลให้ นายสามารถ หลังช่วงโควิด-19 ระบาดเพราะคดีแชร์ลูกโซ่ระบาดหนัก คาดว่าประมาณหลักแสนบาทต่อเดือน


ขณะที่ นายหน่อง ผู้เสียหาย ระบุว่า รู้จักกับนายสามารถมาประมาณ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2557 แต่เมื่อเดือน เม.ย.66 เป็นช่วงที่ นายสามารถ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วย รมว.ยธ. ทักมาชวนไปทำบุญวันเกิดนายสามารถ ตนจึงโอนเงินร่วมทำบุญไป 10,000 บาท จากนั้นเดือนถัดมา นายสามารถ ได้ส่งรูปโบว์ชัวร์ธุกิจขายปุ๋ยของตัวเองมา โดยอ้างว่ามีคนมาร้องเรียนกับนายสามารถ ว่า ตนนำสารปรับปรุงดินมาทำเป็นปุ๋ยหลอกขายประชาชน

นายหน่อง ยืนยันว่าไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่นายสามารถขอค่าดูแลเดือนละ 50,000 บาท แต่ตนขอต่อรองเหลือ 30,000 บาท และยอมจ่ายไป เพราะรู้สึกกลัวบารมี เนื่องจาก นายสามารถส่งรูปไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง จึงยอมโอนไป ตั้งแต่เดือน พ.ค.66 - ก.ค.67 และบัญชีที่โอนไปคือบัญชีของนางวิลาวัลย์ แม่ของนายสามารถ จึงเชื่อว่าจำนวนเงิน 100 ล้านบาท จะเป็นเงินของตนด้วยส่วนหนึ่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น