เหยื่อแห่ร้องกองปราบเอาผิดบริษัทเอเจนซี่ชื่อดัง หลอกจองตั๋วเครื่องบินแต่เมื่อโอนเงินให้กลับไม่ได้ตั๋วตามที่กล่าวอ้าง คาดมีผู้เสียหายนับ 100 ราย สูญเงินกว่า 100 ล้าน
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)นายกิตติศักดิ์ (สงวนนามสกุล) พร้อมผู้เสียหายกว่า 10 คน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับบริษัทเอเจนซี่รับจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมและทัวร์ แห่งหนึ่ง โลโก้ หลังจองตั๋วเครื่องบินแล้ว แต่กลับไม่ได้รับตั๋ว และไม่ได้รับเงินคืนอีกด้วย คาดมีผู้เสียหายร่วม 100 ราย ความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
นายกิตติศักดิ์ เปิดเผยว่า รู้จักกับบริษัทเอเจนซี่ดังกล่าวผ่านการค้นหาทางออนไลน์ เมื่อเข้าไปดูพบว่าบริษัทฯมีการจดทะเบียนนิติบุคคล และใบอนุญาตขายตั๋วเครื่องบินถูกต้อง มีสำนักงานอยู่ย่านพระราม 9 ใช้ช่องทางการติดต่อ Callcenter ชัดเจน และมีรีวิวของคนที่ได้รับตั๋วจริง ทำให้ดูน่าเชื่อ รวมทั้งราคาตั๋วถูกกว่าจองเอง 5-10%
นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จึงตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินจากประเทศออสเตรีย-ไทย จำนวน 4 ใบ รวมราคา 257,273 บาท โดยบริษัทแจ้งว่าจะได้รับตั๋วภายในเวลา 15 วันทำการ แต่เมื่อครบกำหนด กลับไม่ได้รับตั๋ว จึงสอบถามไปทางสายการบิน ก็ได้รับแจ้งว่าบริษัทดังกล่าวไม่โอนเงินค่าตั๋วให้ จึงไม่สามารถออกตั๋วเครื่องบินให้ได้ ทำให้ตนเองต้องหาซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ ในราคาสูงที่สูงกว่าเดิม เพื่อเดินทางกลับมาประเทศไทย
นายกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นก็ได้รับจดหมายแจ้งจากบริษัทฯ ว่าขาดสภาพคล่อง จะคืนเงินค่าตั๋วเต็มจำนวนให้ภายในระยะเวลา 90 วัน แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินคืน เมื่อไปติดต่อที่บริษัทก็ได้รับแจ้งว่าบริษัทถูกเว็บ Skyscanner ขึ้นแบล็กลิสต์ ทำให้ขายตั๋วเครื่องบินไม่ได้ จนขาดสภาพคล่องไม่มีเงินมาคืนให้ ทุกวันนี้ผู้เสียหายรู้สึกหมดหวังเป็นอย่างมาก เพราะไปแจ้งตำรวจท้องที่ก็ไม่คืบหน้า ผู้เสียหายบางรายเคยมาแจ้งความที่กองปราบปรามแล้วครั้งหนึ่ง ก็ถูกบอกให้ไปแจ้งความกับตำรวจ บช.สอท. แต่เมื่อไปแล้ว ก็ถูกให้กลับมาที่กองปราบปราม อยู่ดี ดังนั้นจึงรวบรวมผู้เสียหายให้มากขึ้น โดยหวังว่ากองปราบจะรับแจ้งความ เพราะปัจจุบันเว็บเอเจนซี่แห่งนี้ก็ยังคงดำเนินธุรกิจขายตั๋วเช่นเดิม เกรงว่าจะมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังเข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์เอเจนซี่รายนี้ ก็พบว่ามีการโปรโมทว่าเป็นบริษัทสตาร์ทอัพสายเที่ยว เจ้าแรกในประเทศไทย ตั้งเป้าโกยรายได้ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2570 ซึ่งผู้เสียหายยังบอกด้วยว่าบริษัทนี้มีรูปถ่ายโปรโมทให้กับการท่องเที่ยวไทยหลายครั้ง แต่กลับขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินจ่ายคืนผู้เสียหาย ทั้งที่เจ้าของบริษัทยังขับรถหรูราคาแพง รวมถึงขาดส่งงบบริษัทมานานกว่า 3 ปีแล้วอีกด้วย