MGR Online - อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ เผย เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต จ.หนองบัวลำภู 3 ศพ รายละ 2 แสนบาท พร้อมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์
สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุในพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู โดยใช้อาวุธปืนสั้นไม่ทราบขนาดก่อเหตุยิงประชาชนในพื้นที่เสียชีวิต 3 ศพ ก่อนขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้มีการวางกำลังโดยรอบพื้นที่ป่า และถนนสายต่างๆ เพื่อปิดทางหนีไม่ให้ออกนอกพื้นที่ และกดดันให้มอบตัว และจัดกำลังคุ้มกันบ้านผู้เสียชีวิตที่ยังมีญาติอยู่อีก 1 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กังวลว่า ผู้ต้องหาจะย้อนกลับมาก่อเหตุซ้ำ ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากความแค้นส่วนตัวเกี่ยวกับปัญหาหนี้สิน และการที่ผู้ตายเข้าเป็นพยานในคดีที่ผู้ก่อเหตุตกเป็นผู้ต้องหาอีกคดีหนึ่ง
วันนี้ (29 พ.ย.) น.ส.เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจและขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นับเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญอย่างมาก ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จะเร่งให้การช่วยเหลือเยียวยาทายาทโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้ประสานความร่วมมือไปยังสำนักงานยุติธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู โดย นายทัศนัย สุสานนท์ รักษาราชการแทนยุติธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ได้ลงพื้นที่เชิงรุกแจ้งสิทธิและรับคำขอค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
กรณีนี้นับเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เป็นที่สนใจของสาธารณชน และผู้เสียหายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ในเบื้องต้นทายาทมีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือเยียวยา รายละ 200,000 บาท ได้แก่ (1) ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย จำนวน 100,000 บาท (2) ค่าปลงศพ จำนวน 20,000 บาท (3) ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู จำนวน 40,000 บาท และ (4) ค่าเสียหายอื่น จำนวน 40,000 บาท อย่างไรก็ตาม การพิจารณาช่วยเหลือขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะอนุกรรมการ ประจำจังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีผู้ว่าราชจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นประธานการประชุม
อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิฯ กล่าวเพิ่มว่า กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม หรือผู้เสียหายในคดีอาญา เพื่ออำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ ส่วนกลาง (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) และส่วนภูมิภาค (สำนักงานยุติธรรม จังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ หรือติดต่อ สายด่วนยุติธรรม โทร. 1111 กด 77 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง)