รวบหนุ่มสิงคโปร์โทรขู่มีระเบิดซุกบนเครื่องบินขณะเทกออฟ ทำเที่ยวบินถูกระงับ อ้างทำไปเพราะเครียด ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก จ่อชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งอ่วม
จากกรณี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน เวลา 14.47 น. พบคนต่างชาติ พูดภาษาไทยติดสำเนียงจีน โทรมาที่ประชาสัมพันธ์ ท่าอากาศยานดอนเมือง แจ้งว่า “รู้ไหมว่าเครื่องบินแอร์เอเชียไปหาดใหญ่มีระเบิด” ซึ่งตรวจสอบแล้ว คาดว่าเป็นเครื่องแอร์เอเชีย Flight FD 3114 ดอนเมือง-หาดใหญ่ มีผู้โดยสาร 162 นาย ลูกเรือ 6 นาย ซึ่งขณะนั้น เครื่องกำลัง Taxi เตรียม Take off ทางฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานดอนเมือง จึงได้แจ้งให้เครื่องบินหยุดบิน และกลับไปจอดเพื่อตรวจสอบ พร้อมเข้าแผนเผชิญเหตุ ส่งผลให้เที่ยวบินถูกระงับ และผู้โดยสารต้องถูกนำลงมาตรวจค้น พร้อมสัมภาระติดตัวและที่โหลดใต้เครื่อง ผลไม่พบวัตถุต้องสงสัย และได้ประกาศยกเลิกแผนฉุกเฉิน เวลา 19.30 น. ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อแผนการบินและผู้โดยสารโดยภาพรวมอย่างรุนแรง
ล่าสุด วันนี้(23 พ.ย.) พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และโฆษก สตม. เปิดเผยความคืบหน้าว่า ทางท่าอากาศยานดอนเมือง ได้ตรวจสอบเบอร์ที่ใช้โทรมา คือ นาย โฮ หวาย ชง ถือหนังสือเดินทางสิงค์โปร์ จึงประสานมายัง ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง ตนจึงรายงาน พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม คุมงานปราบปราม ซึ่งได้รับสั่งการให้ บก.ตม.2 ประสานงานฝ่ายสืบสวนร่วมติดตามตัวผู้ก่อเหตุ และ ลงข้อมูลในระบบ APPS เพื่อป้องกันการหลบหนี และพบว่า ผู้ก่อเหตุมีสถานะ อยู่ในประเทศเกินกำหนดอนุญาต Overstay
จากการตรวจสอบเบอร์ พบว่า ผู้ก่อเหตุยังอยู่ภายในตัวอาคารสนามบินดอนเมือง จึงจัดกำลังร่วมระดมค้นหาร่วมกับ สน.ดอนเมือง จนวันที่ 22 พ.ย.67 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่งานสืบสวน ด่าน ตม.ทอ.ดอนเมือง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ดอนเมือง ได้พบตัวและทำการจับกุมตัว Mr.HO WAI CHONG สัญชาติสิงคโปร์ ได้ที่บริเวณอาคารผู้โดยสารสนามบินดอนเมือง
สอบถามแล้ว ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำการดังกล่าวจริง สาเหตุเกิดจากความเครียด เรื่องปัญหาครอบครัว จึงได้ควบคุมตัวนำส่ง พงส. สน.ดอนเมืองดำเนินคดี โดยเบื้องต้น แจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Over stay) จำนวน 28 วัน และจะได้พิจารณาแจ้งข้อหาที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป
ส่วนความผิดในการแจ้งเหตุเท็จ จนเกิดความเสียหายดังกล่าว เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 “ผู้ใดแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุ หรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยาน หรือผู้ที่อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินตื่นตกใจ และถ้าการกระทํานั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ผู้กระทําต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงหกแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”
ทั้งนี้ พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุ เข้าไทยโดยมี APEC Card หรือ บัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปค เคยเข้าออกหลายครั้ง ไม่เคยมีประวัติทางคดีอาญา แต่หลังจากนี้ จะถูกดำเนินคดี และเนรเทศเมื่อสิ้นสุดการรับโทษ พร้อมถูกขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้ามเข้าไทยอีกต่อไป
นอกจากนั้น ยังอาจถูกทางท่าอากาศยานดอนเมือง สายการบิน และผู้โดยสารบนเครื่อง ฟ้องเอาผิดทางละเมิด จากความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงอยากเตือนคนไทยและคนต่างชาติที่จะเล่นพิเรนทร์ ก่อเหตุเช่นนี้ว่า ไม่คุ้มค่าความสนุก เพราะจะโดนโทษทั้งคดีอาญา ถูกจำคุก และต้องรับผิดชอบค่าเสียหายมหาศาลทางแพ่งอีกด้วย