ศาลออกหมายจับ "เอก สายไหม" กุพยานเท็จ คดีดิไอคอน ล่าสุดเจ้าตัวเดินทางเข้ามอบตัว บช.ก. เผยเตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวไว้แล้ว
วันนี้ (22 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปอท. ได้ขออำนาจศาลอาญารัชดา ในการออกหมายจับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในข้อหาพ.ร.บ.คอม กรณีโพสต์ข้อมูลเท็จในระบบเกี่ยวกับเงินดิจิตอลที่เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอน
ทันทีที่หมายจับออกผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปทางนายเอกภพ ได้เปิดเผยว่า ยังไม่ทราบเรื่องหมายจับ และขณะนี้กำลังเดินทางมาเพื่อให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคำเชิญในเวลา 15.00 น.
ต่อมาในเวลา 15.05 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ได้เดินทางมาถึงยัง บช.ก. และได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตนเพิ่งทราบข่าวหมายจับจากสื่อมวลชน เพราะในวันนี้ช่วง 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเชิญตนมาให้ถ้อยคำ ตนจึงเดินทางมาตามคำเชิญ แต่ยังไม่ทราบว่ามีหมายจับจริงหรือไม่อย่างไร
"ยืนยันว่าสิ่งที่ทำเป็นการทำเพื่อพี่น้องประชาชน รวมถึงบอสดิไอคอนก็ไม่ได้มีการรู้จักส่วนตัว การนำตัวพยานมาเป็นเพราะตัวพยานมาแจ้ง จึงนำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ซึ่งในวันนี้ก็นำเอกสารหลักฐานทั้งหมดมาด้วย และก็ได้จัดเตรียมทนายแล้ว แต่ในวันนี้นำมาในส่วนของคดีพยานเท็จ" เอก สายไหม กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีความกังวลใจหรือไม่ นายเอกภพ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่กังวลใจ ตนมองว่าเป็นขั้นตอนของกฎหมาย และเชื่อว่าทาง บช.ก. จะให้ความเป็นธรรมแก่ตน ซึ่งตนได้เตรียมหลักทรัพย์ในการประกันตัวไว้แล้ว โดยจะให้ทางทนายความส่วนตัวเป็นคนจัดการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะเข้ามอบตัวเลยหรือไม่ นายเอกภพ ระบุว่า หากเห็นหมายจับ ก็ยินดีที่จะมอบตัวกับพนักงานสอบสวน
เมื่อถามต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการนัดมาแล้วหลายครั้ง เหตุใดถึงปฏิเสธ นายเอกภพ ยืนยันว่า ไม่ได้ปฏิเสธแต่ยอมรับว่าพนักงานสอบสวนติดต่อมา และตนเองแจ้งว่ายินดีที่จะเข้ามาพบในวันนี้ตามคำนัดหมาย ทั้งนี้ยังมีกำลังใจในการช่วยเหลือประชาชนต่อไป
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ หรือ เอก สายไหม ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5661/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ในความผิดฐาน “โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่ย่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”
